หนวด เครา จอน มีผลอย่างมากต่อรูปลักษณ์ภายนอก ผู้คนส่วนใหญ่โดยเฉพาะผู้ชายที่ต้องการให้ภาพลักษณ์ดูคมเข้ม เป็นผู้ใหญ่ มักจะไว้หนวด เครา จอนให้ขึ้นดกหนา แต่ลักษณะของขนบนใบหน้านี้แตกต่างกันในแต่ละบุคคล ทำให้คนบางกลุ่มไม่สามารถมีรูปลักษณ์ดังกล่าวได้ตามต้องการ วิทยาศาสตร์ปัจจุบันจึงได้ค้นคว้า “วิธีปลูกหนวด” ขึ้นมา
วิธีปลูกหนวด เครา จอนมีอะไรบ้าง ปัจจัยใดทำให้หนวดขึ้นดกหนา วิธีปลูกหนวดด้วยวาสลีนและดอกอัญชันได้ผลจริงหรือไม่ ในบทความนี้ Absolute Hair Clinic จะมาตอบคำถามให้กับทุกข้อสงสัยของคุณ
การปลูกหนวด
หนวด เครา จอน ถูกจัดว่าเป็นขนบนใบหน้า (Facial hair) ขนบนใบหน้าเหล่านี้ไม่ได้มีประโยชน์ในการใช้งานมากนัก แต่ที่คนบางส่วนนิยมไว้หนวด เครา จอนให้ยาว มักเป็นเหตุผลด้านรูปลักษณ์ ค่านิยมในยุคปัจจุบันมองว่าการไว้หนวด เครา จอน เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นชาย (Masculinity) คนบางส่วนที่อยากมีภาพลักษณ์แบบนี้จึงนิยมไว้หนวด
โดยปกติแล้วผู้ชายจะมีหนวดเคราจอนที่ดก และชัดกว่าของผู้หญิง ผู้หญิงส่วนใหญ่มักไม่มีหนวด หรือมีเพียงหนวดบางๆเท่านั้น แต่ก็สามารถพบผู้หญิงที่มีหนวดเคราหรือจอนที่หนาได้เช่นกัน อาจเกิดจากกรรมพันธุ์ การสร้างฮอร์โมนเพศชายในร่างกายที่มากกว่าปกติ หรือการทานยาบางอย่าง เช่นยาแก้ผมร่วงไมนอกซิดิว หรือยาคุมกำเนิดบางยี่ห้อ
ขนบนใบหน้าเหล่านี้ไม่ใช่ทุกคนจะมี แม้เป็นเพศชายที่มีระดับฮอร์โมนเพศมากกว่าปกติก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีขนบนใบหน้าดกหนาเสมอไป บางคนมีมาก บางคนมีน้อย หรือไม่มีเลย ขึ้นอยู่กับพันธุกรรม ฮอร์โมนในร่างกาย อย่างเทสโทสเตอโรน (Testosterone) และไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (Dihydrotestosterone หรือ DHT) ที่ล้วนเป็นฮอร์โมนเพศชาย สารอาหาร รวมทั้งยา หรือปัจจัยอื่นๆภายนอกร่างกาย
ด้วยเหตุนี้ทางการแพทย์จึงคิดค้นวิธีปลูกหนวดขึ้น สำหรับผู้ที่ไม่สามารถมีหนวดได้ตามธรรมชาติ หรือมีน้อยกว่าที่ต้องการนั่นเอง
ก่อนทราบวิธีปลูกหนวด หรือวิธีเร่งหนวด ควรรู้ในเบื้องต้นก่อนว่าปัจจัยที่ทำให้หนวดขึ้นมาก ขึ้นน้อย ขึ้นช้า หรือขึ้นเร็ว มีอะไรบ้าง
- พันธุกรรม (Gene)
พันธุกรรมเป็นสิ่งที่กำหนดลักษณะต่างๆของร่างกาย หนวด เครา และจอนก็ถูกกำหนดโดยพันธุกรรมเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น สี ลักษณะเส้นขน พื้นที่ที่ขนขึ้น ความเร็วในการงอกขน การตอบสนองของรากขนต่อปัจจัยอื่นๆที่ทำให้ผมงอกขึ้นเร็วหรือช้า หรือแม้แต่การที่หนวดไม่งอกเองก็ถูกกำหนดไว้โดยพันธุกรรมเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ คนส่วนใหญ่เชื่อกันว่าพันธุกรรมที่กำหนดลักษณะของหนวดมาจากทางฝั่งแม่ แต่ความเป็นจริงแล้วพันธุกรรมดัวกล่าวมาได้จากทั้งฝั่งพ่อและฝั่งแม่
แต่การที่พันธุกรรมกำหนดมาให้คุณไม่มีหนวด เครา จอน ไม่ใช่จุดจบ ปัจจุบันการแพทย์ก้าวหน้าเป็นอย่างมาก จึงมีวิธีปลูกหนวดหลายวิธีที่สามารถทำให้คุณมีหนวดได้ แม้คุณจะไม่รากขนบนใบหน้าเลยก็ตาม
- ฮอร์โมน (Hormone)
ขนบนใบหน้าของคนเรา จะถูกกระตุ้นให้งอกขึ้นโดยฮอร์โมน 2 ตัว ได้แก่ ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน และฮอร์โมน DHT หน้าที่ของฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนต่อหนวด เครา จอน จะเป็นการกระตุ้นให้ให้เส้นขนงอกขึ้นในตำแหน่งต่างๆ ส่วน DHT จะไปกระตุ้นให้ขนที่ขึ้นมาแล้วเติบโต กระตุ้นให้งอกยาวขึ้น และหนาขึ้น
ยิ่งมีฮอร์โมนเหล่านี้มาก รากขนก็จะยิ่งถูกกระตุ้นมาก ระดับฮอร์โมนเพศชายจึงมีผลกับการงอก และความดกหนาของหนวด เครา จอนนั่นเอง
ทั้งนี้ ผู้ชายส่วนใหญ่มักมีระดับฮอร์โมนปริมาณพอๆกันหากไม่ได้เกิดความผิดปกติขึ้นกับร่างกาย แต่ก็ยังมีผู้ที่หนวดเคราหนาหรือบางไม่เท่ากัน บางคนก็ไม่มีหนวดเลย นั่นเป็นเพราะร่างกายของคนเราสามารถตอบสนองกับฮอร์โมนได้ไม่เท่ากัน
บริเวณเซลล์รากขนที่ทำหน้าที่สร้างหนวดเคราจะมีตัวรับฮอร์โมนอยู่ (Androgen Receptor) ตัวรับฮอร์โมนดังกล่าวจะรับคำสั่งจากฮอร์โมน และไปกระตุ้นให้รากขนสร้างขนขึ้นมาตามคำสั่ง แต่ในบางคนตัวรับคำสั่งดังกล่าวอาจจะทำงานได้ไม่ดีหรือไม่ทำงานเลยจึงทำให้มีหนวดขึ้นบางๆ หรือไม่มีหนวดเลย
หากเคยหาข้อมูลเรื่องผมร่วงมาก่อน หลายคนอาจจะคุ้นชื่อ ฮอร์โมน DHT กันมาบ้าง ว่าเป็นฮอร์โมนที่สร้างจากฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนอีกทีหนึ่ง โดยฮอร์โมน DHT นี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผมร่วง จนเกิดเป็นหัวล้านกรรมพันธุ์ในเพศชาย แต่ทำไมฮอร์โมนตัวนี้ทำให้ผมบนใบหน้าเติบโตและหนาขึ้น?
ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าผมบนศีรษะ (Scalp hair) และขนบนใบหน้า (Facial hair) เป็นขนคนละส่วนกัน ทำให้มีลักษณะบางอย่างที่แตกต่างกัน รวมถึงการตอบสนองต่อฮอร์โมน DHT ด้วย
ฮอร์โมน DHT จะทำให้ผมบนศีรษะมีระยะของการเจริญเติบโตน้อยละ ระยะที่รากผมหยุดสร้างผมยาวนานขึ้น ในระยะยาวรากผมจะไม่สร้างผมอีก และฝ่อไปจนเกิดอาการผมบางและศีรษะล้าน
แต่ในขณะเดียวกัน ฮอร์โมนดังกล่าวจะไปกระตุ้นขนบนใบหน้าให้เติบโต และแข็งแรงขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากการตอบสนองต่อฮอร์โมนที่แตกต่างกันนั่นเอง
- การไหลเวียนของเลือดในบริเวณใบหน้า (Blood Circulation)
ระบบเลือดในร่างกายเป็นเหมือนหน่วยที่คอยแจกจ่ายสารอาหารไปยังส่วนต่างๆของร่างกาย หากเส้นเลือดฝอยบริเวณใบหน้าน้อยเกินไป หรือเลือดในบริเวณดังกล่าวไหลเวียนได้ไม่ดี จะทำให้เลือดนำสารอาหารไปเลี้ยงที่เซลล์รากผมได้ไม่เพียงพอ ทำให้ขนบนใบหน้างอกได้ไม่ดีเท่าที่ควร
- สารอาหาร (Nutrient)
สารอาหารเป็นสิ่งจำเป็นต่อการสร้างขนและผม โดยสารอาหารที่จำเป็นที่สุดต่อการสร้างเส้นขนคือโปรตีน เนื่องจากขนและผมประกอบด้วยเคราตินเป็นหลัก โดยที่เคราติน (Keratin) คือโปรตีนที่ขดตัวยาวต่อกันเป็นสาย หากร่างกายขาดโปรตีน ร่างกายจะชะลอการสร้างผมหรือขนลง เนื่องจากเป็นส่วนที่ร่างกายกำหนดว่าไม่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต
นอกจากโปรตีนแล้ว สารอาหารอื่นๆก็จำเป็นต่อการสร้างขนและผมเช่นกัน ได้แก่ ไบโอติน ธาตุเหล็ก สังกะสี กรดไขมันโอเมก้า 3 และวิตามินต่างๆ โดยสารอาหารแต่ละตัวสำคัญต่อการสร้างขนและผมอย่างไรนั้น สามารถอ่านเพิ่มเติมในบทความ อาหารบำรุงผม
ปัจจัยทั้ง 4 อย่าง เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้หนวดงอก วิธีปลูกหนวดธรรมชาติจึงเป็นการทำให้ร่างกายเกิดปัจจัยต่างๆนี้ให้ได้มากที่สุด ส่วนวิธีการปลูกหนวดแบบอื่นๆนั้นจะเป็นการเพิ่มปัจจัยที่ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้เข้าไปนั่นเอง
โดยวิธีปลูกหนวด แบ่งออกเป็น 4 วิธีหลัก ดังนี้
ผู้ที่ไว้หนวด เครา จอนบางส่วน มักจะถอนหนวดเคราเล่นโดยไม่รู้ตัว นอกจากการถอนจะทำให้หนวดบางลงแล้ว ยังทำให้เกิดปัญหาต่างๆตามมา ทั้งรูขุมขนอักเสบ อุดตันจนขนไม่ขึ้น เกิดเป็นขนคุดจนขนงอกอยู่ใต้ผิวหนัง ทำให้เกิดการอักเสบหรือเป็นสิว ในกรณีที่แย่ที่สุดอาจจะเกิดเป็นแผลและติดเชื้อจนเกิดอันตรายตามมาได้
นอกจากนี้การถอนขนยังทำให้รากขนถูกรบกวนจนอ่อนแอลง ทำให้รากขนงอกผมได้น้องลง หรือคุณภาพไม่ดีเท่าเดิม ในกรณีที่เป็นแผล แม้จะไม่ได้ติดเชื้อ หลังจากแผลหายอาจจะทำให้เป็นแผลเป็นได้ หากเป็นแผลเป็นแล้วรากขนในบริเวณนั้นจะถูกทำลายอย่างถาวร ทำให้ไม่สามารถงอกหนวด เครา หรือจอนตามธรรมชาติได้อีก
ดังนั้นวิธีปลูกหนวดด้วยตัวเองอันดับแรก คือหยุดถอนหนวด แล้วปล่อยให้หนวดขึ้นได้อย่างเต็มที่
หมั่นดูแลผิวหน้าให้สะอาดอยู่เสมอ
วิธีปลูกเครา ปลูกหนวด สำหรับผู้ที่ต้องการให้หนวดขึ้นเร็ว จำเป็นต้องล้างหน้าทุกวัน เพื่อให้ผิวหนังสะอาด กำจัดสิ่งสกปรกและเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป ลดการอุดตันของรุขุมขน เพื่อให้ขนบนใบหน้าขึ้นมาได้ง่ายขึ้น
แต่ถ้าหนวดขึ้นค่อนข้างยาวแล้ว ไม่ควรล้างบริเวณหนวดเคราหรือจอนทุกวัน เนื่องจากน้ำมันบนใบหน้าเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เส้นขนชุ่มชื้น หากล้างขนบนใบหน้าบ่อยเกินไปจะทำให้หนวดเคราแห้ง แตกปลาย ผิวหนังอาจแห้งจนหลุดลอกออกมาเป็นรังแคได้เหมือนกับหนังศีรษะ
ดังนั้นหากหนวด เครา จอนยาวขึ้นแล้ว ควรทำความสะอาดขนบริเวณใบหน้าเพียงอาทิตย์ละ 2 – 3 ครั้งด้วยแชมพูสระหนวด เพียงเท่านี้ก็เพียงพอต่อการดูแลหนวดแล้ว
นอนหลับ และพักผ่อนให้เพียงพอ
การนอนเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญของการปลูกหนวดธรรมชาติ เพราะมีผลอย่างมากต่อระดับฮอร์โมนเพศชาย ในงานวิจัยหนึ่งระบุว่าเพศชายที่มีฮอร์โมนเพศชายอยู่ในระดับปกติหากนอนน้อยลงกว่าเดิมเพียง 1 – 2 ชั่วโมงก็สามารถทำให้ระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอร์โรนในวันถัดไปลดลงได้แล้ว
และเมื่อฮอร์โมนตั้งต้นอย่างเทสโทสเตอโรนน้อยลง ฮอร์โมน DHT ที่ผลิตจากเทสโทสเตอโรนก็จะน้อยลงตามไปด้วย และทำให้รากขนถูกกระตุ้นให้สร้างหนวด เครา และจอนได้น้อยลงนั่นเอง
นอกจากนี้ การพักผ่อนไม่ได้หมายถึงแค่การนอน การพักผ่อนเพื่อผ่อนคลายความเครียดก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน ความเครียดเป็นภาวะที่เกิดจากจิตใจ แต่ส่งผลทางร่างกายได้มาก เพราะจะทำให้ระบบต่างๆในร่างกายทำงานผิดปกติ ซึ่งความผิดปกติดังกล่าวเกิดได้มากกับระบบฮอร์โมน โดยอาจจะไปทำให้ฮอร์โมนเพศลดลงกว่าปกติจนทำให้หนวดเคราขึ้นได้ไม่ดีเท่าเดิม
ลด ละ เลิก การสูบบุหรี่
การเลิกบุหรี่นี้ นอกจากจะเป็นวิธีปลูกหนวดแล้ว ยังเป็นการเสริมสร้างให้ร่างกายมีสุขภาพที่ดีอีกด้วย เพราะสารอันตรายต่างๆในบุหรี่มีผลอย่างมากต่อหลอดเลือด สารเหล่านั้นจะไปทำให้หลอดเลือดตีบจนทำให้ความดันสูง หากเกิดภาวะความดันสูงเป็นเวลานานเส้นเลือดฝอยในร่างกายจะถูกทำลาย
หากหลอดเลือดฝอยในบริเวณใบหน้าถูกทำลายไปด้วยจะทำให้รากขนบริเวณในหน้าได้รับสารอาหารผ่านทางเลือดไม่เพียงพอ ทำให้หนวด เครา และจอนขึ้นได้ไม่ดีเท่าที่ควร หรือขนไม่ขึ้นจนทำให้รากขนฝ่อไปก็ได้เช่นกัน
มีงานวิจัยหนึ่งระบุว่านิโคติน (Nicotine) ในบุหรี่สามารถเพิ่มระดับฮอร์โมน DHT ได้มากถึง 14% หากคิดตามหลักการแล้วการเพิ่ม DHT ก็เป็นผลดีต่อหนวด เครา และจอน แต่การเพิ่ม DHT ด้วยการสูบบุหรี่ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก
เนื่องจากการเพิ่มฮอร์โมนไม่ได้เป็นการันตีผลลัพธ์ว่าจะทำให้ขนบนใบหน้าดกหนา หรือขึ้นได้มากกว่าเดิม เพราะการงอกไม่ได้ขึ้นกับระดับฮอร์โมนอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับตัวรับฮอร์โมนที่รากขนด้วย การเพิ่มระดับฮอร์โมนสามารถทำได้ด้วยวิธีอื่นๆอีกมาก เช่นการนอนกพักผ่อนให้เพียงพอ หรือการออกกำลังกาย
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
การออกกำลังกาย เป็นวิธีปลูกหนวดโดยการเพิ่มฮอร์โมนที่ปลอดภัย และได้ผลมากกว่าการสูบบุหรี่อย่างมาก
การออกกำลังกายสม่ำเสมอมีประโยชน์อย่างมาก แค่เพียงขยับตัวมากกว่าปกติ ออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาแบบใดก็ได้ที่ชอบ ก็สามารถเพิ่มประมาณเทสโทสเตอโรน และ DHT ในเลือดได้แล้ว
นอกจากนี้ การออกกำลังกายที่เป็นคาร์ดิโอ (Cardio Exercise) ยังเป็นการเสริมสร้างให้ปอดและหัวใจแข็งแรง ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น ระบบเลือดนำสารอาหารไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย รวมถึงรากขนได้มากขึ้น ทำให้หนวด เครา และจอนงอกได้มาก และมีคุณภาพดีขึ้นนั่นเอง
การออกกำลังกายยังเป็นวิธีการเพิ่มประสิทธิภาพของตัวรับฮอร์โมน Androgen Receptor ด้วย
ในงานวิจัยโดยนักสรีรวิทยาการออกกำลังกายและโภชนาการจากประเทศสหรัฐอเมริกา ระบุว่าหากออกกำลังกายแบบ Weight training หรือ Resistance training ซึ่งเป็นการออกกำลังกายแบบมีแรงต้าน เช่นการสควอท (squat) และการออกกำลังกายด้วยเครื่องเลกเพรส (leg press) หรือเครื่องยืดเหยียดขา (leg extension exercises) จะช่วยเพิ่มการทำงานของตัวรับฮอร์โมน Androgen receptor
เมื่อตัวรับฮอร์โมนดีขึ้น ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนและ DHT ก็ออกฤทธิ์กับรากผมได้มาก ทำให้หนวดเคราจอนงอกยาว และดกหนามากขึ้นนั่นเอง
นวดหน้า
การนวดหน้านั้นช่วยในเรื่องของการไหลเวียนเลือด ยิ่งเลือดไหลเวียนบริเวณใบหน้าได้ดี หนวด เครา และจอนก็จะยิ่งยาวไวและแข็งแรง
การนวดหน้านี้ควรทำทุกวัน โดยออกแรงกดบริเวณใบหน้า รอบๆบริเวณที่ต้องการให้ขนบนใบหน้างอกขึ้นมา ระหว่างนวดควรเน้นบริเวณแก้ม เพราะเป็นส่วนที่ขนขึ้นได้ยากที่สุดบนใบหน้า
ปัจจุบันเครื่องมือนวดหน้าชนิดหนึ่งได้ถูกคิดค้นขึ้น เรียกว่า Beard Roller เป็นที่นวดหน้าที่มีเข็มขนาดเล็กบนลูกกลิ้ง สร้างแผลขนาดเล็กขึ้นที่ผิวหนังระหว่างนวดหน้า
โดยปกติเวลาเป็นแผลระบบเลือดจะถูกกระตุ้นให้เลือดไหลเวียน และนำสารที่มีประโยชน์ต่อการฝื้นฟูแผลเหล่านั้นมายังบริเวณที่เป็นแผล ดังนั้นนอกจากสารเหล่านั้นจะฟื้นฟูแผลแล้ว จะยังทำให้เซลล์รากขนบริเวณนั้นได้รับสารอาหารมากขึ้นอีกด้วย
ทั้งนี้วิธีปลูกหนวดดังกล่าวมีงานวิจัยรองรับไม่มาก ทั้งยังเสี่ยงติดเชื้อหากไม่รักษาความสะอาดมากพอ ผู้สนใจจึงควรศึกษาให้ดี และปรึกษาแพทย์ก่อนทดลองใช้
วิธีปลูกหนวดด้วยการทานอาหารนั้นสามารถทำได้ง่ายและมีประโยชน์อย่างมากต่อร่างกาย
อาหารบางอย่างทำให้ร่างกายทำงานได้ตามปกติ เพิ่มสารอาหารที่จำเป็นให้รากขนนำสารอาหารเหล่านั้นไปสร้างผม สารอาหารบางอย่างก็มีผลทางอ้อมในการไปเพิ่มระดับฮอร์โมนเพศ ช่วยให้ Androgen Receptor ทำงานได้ดีขึ้น หรือช่วยให้เลือดลำเลียงสารอาหารไปเลี้ยงยังรากขนได้ดีขึ้น
ในปัจจุบัน สารอาหารแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือสารอาหารที่ได้จากอาหารที่คนเรารับประทานตามปกติ อีกรูปแบบหนึ่งคืออาหารเสริม ที่จะเป็นสารสกัดเฉพาะ สำหรับผู้ที่ต้องการสารอาหารเหล่านั้นเป็นจำนวนมาก หรือไม่สามารถทานอาหารเพื่อรับสารอาหารเหล่านั้นได้
อาหารที่รับประทานตามปกติ
อาหารที่มีประโยชน์และมีงานวิจัยรองรับแล้วว่าหากทานแล้วมีผลทำให้หนวด เครา จอน งอกได้ดีขึ้น ได้แก่
- ต้นอ่อนอัลฟาฟ่า
ต้นอ่อนอัลฟาฟ่าประกอบด้วยสารอาหารที่ช่วยบำรุงขนและผมหลายชนิด ได้แก่ โปรตีน วิตามินเอ วิตามินเค วิตามินซี วิตามินบี3 วิตามินบี5 โฟเลต สังกะสี นอกจากนี้จากงานวิจัยยังพบว่าต้นอ่อนอัลฟาฟ่าสามารถเพิ่มระดับฮอร์โมน DHT และเทสโทสเตอโรนได้มากอีกด้วย
- น้ำมันมะกอก
น้ำมันมะกอกประกอบไปด้วยกรดไขมันโอเมกา-3 โอเมกา-6 โปรตีน วิตามินอี วิตามินเค ธาตุเหล็ก และสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) สารอาหารเหล่านี้มีส่วนช่วยในการเจริญเติบโตของขนบนใบหน้า และเพิ่มประสิทธิภาพให้ไขมันบริเวณใบหน้าที่ช่วยให้หนวดเคราและจอนชุ่มชื้น ไม่แห้งเสีย
- ข้าวฟ่าง
ข้าวฟ่างอุดมไปด้วยสารอาหารจำพวกสังกะสี ธาตุเหล็ก และวิตามินบี ที่ช่วยในการสร้างผม อีกทั้งยังมีงานวิจัยออกมาว่ามีผลทำให้เอ็นไซม์ Type 2 – 5 reductase เพิ่มขึ้น ซึ่งเอ็นไซน์ตัวดังกล่าวมีหน้าที่เปลี่ยนฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ให้กลายเป็นฮอร์โมน DHT ทำให้ระดับฮอร์โมน DHT เพิ่มขึ้น กระตุ้นการเติบโดของหนวดเคราได้นั่นเอง
- กาแฟ
กาแฟไม่ได้มีสารอาหารที่จำเป็นต่อการสร้างขนมากขึ้น แต่กาแฟมีผลอย่างมากในการเพิ่มฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน และฮอร์โมน DHT ทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันไม่ให้เซลล์ถูกทำลาย หรือทำงานผิดปกติจากเหล่าอนุมูลอิสระ (Free Radicals) ที่มาจับส่วนต่างๆของเซลล์
- ลูกเกด
ลูกเกดอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก ซึ่งธาตุเหล็กเป็นส่วนประกอบหลักของเม็ดเลือดแดงที่มีหน้าที่ลำเลียงสารอาหารต่างๆไปยังเซลล์ เมื่อสารอาหารลำเลียงมาที่รากขนได้ดี หนวด เครา จอนก็จะงอกได้ดีขึ้น นอกจากนี้ลูกเกดยังมีธาตุที่เรียกว่าโบรอน (Boron) ซึ่งธาตุดังกล่าวพบว่าสามารถเพิ่มปริมาณของเทสโทสเตอโรนและ DHT ในร่างกายได้ดีอีกด้วย
อาหารเสริม
อาหารเสริมที่มีงานวิจัยรับรองบ้างแล้วว่าใช้ได้ผล คือวิตามินรวม และคาร์นิทีน
โดยวิตามินรวมจะช่วยในเรื่องสุขภาพโดยรวม และไบโอตินที่เป็นส่วนประกอบของอาหารเสริมเหล่านี้ก็เป็นส่วนสำคัญในการสร้างเส้นผมและขน ส่วนคาร์นิทีนมีผลทำให้ตัวรับฮอร์โมนที่รากขนทำงานได้ดีขึ้น ช่วยให้รากขนถูกกระตุ้นให้สร้างผมมากขึ้น
อาหารเสริมอื่นๆที่นิยมทานกันเพื่อเสริมสร้างสุขภาพ และบำรุงผมและขน ได้แก่ ซิงค์ ธาตุเหล็ก น้ำมันตับปลา และวิตามินบีรวม เป็นต้น
ทั้งนี้ไม่ได้มีงานวิจัยรองรับมากนักว่าอาหารเสริมช่วยให้หนวดขึ้นได้อย่างเห็นผลชัดเจน นอกจากนี้ อาหารเสริมยังมีข้อเสียคืออาจจะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารมากเกินจำเป็น จนร่างกายต้องขับออกทำให้อวัยวะอย่างตับหรือไตทำงานหนัก อีกทั้งอาหารเสริมยังมีราคาแพง ดังนั้นเพียงแต่ทานอาหารมีประโยชน์ที่แนะนำก็เพียงพอแล้ว
วิธีที่ 3 ปรึกษาแพทย์เรื่องการใช้ยา
ไม่ว่าจะใช้ยา หรือฮอร์โมนเป็นวิธีปลูกหนวดก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์ก่อน ไม่ควรซื้อยาหรือฮอร์โมนเพศชายมาทานเอง เนื่องจากทั้งยาและฮอร์โมนมีผลข้างเคียงหลังการใช้ ทั้งยังเป็นอันตรายต่อสุขภาพในระยะยาวหากใช้ผิดวิธี ผู้สนใจจึงควรเข้าปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง
วิธีปลูกหนวดโดยการใช้ยาที่เป็นที่นิยม มีด้วยกัน 2 วิธี ได้แก่
ยาปลูกหนวด
ยาปลูกหนวดเป็นวิธีการปลูกหนวดให้เข้ม ผู้ชายส่วนใหญ่มักเลือกใช้วิธีนี้เนื่องจากเห็นผลได้ชัด และตัวยาก็สามารถหาซื้อได้ทั่วไปตามท้องตลาด ซึ่งยาดังกล่าวคือยาไมนอกซิดิวล์ (Minoxidil)
ไมนอกซิดิวล์มีทั้งแบบเม็ดและแบบทา สำหรับหนวด เครา และจอน จะนิยมใช้แบบทามากกว่า เนื่องจากต้องการให้แสดงผลเฉพาะที่ และแบบเม็ดยังมีผลข้างเคียงมากกว่าด้วย
ทั้งนี้ หากสนใจปลูกหนวดด้วยยาไมนอกซิดิวล์ ไม่ควรซื้อมาใช้เอง เนื่องจากหากใช้ในปริมาณและระยะเวลาที่ไม่เหมาะสม จะเกิดผลเสียหรือเห็นผลการรักษาได้น้อย ผู้ที่สนใจควรเข้าปรึกษาแพทย์ก่อนเลือกใช้ยา
หากศึกษาเรื่องอาการผมร่วงมาบ้าง จะทราบว่าไมนอกซิดิวล์ก็เป็นยาแก้ผมร่วงด้วย นอกจากไมนอกซิดิวล์แล้ว ยังมียาแก้ผมร่วงอีกตัวหนึ่งชื่อว่ายาไฟแนสเตอรายด์ (Finasteride) แล้วยาตัวนี้สามารถปลูกหนวดได้เหมือนกันหรือไม่?
คำตอบคือไม่สามารถใช้ได้ เนื่องจากการออกฤทธิ์หลักของไฟแนสเตอไรด์คือการลดระดับฮอร์โมน DHT เนื่องจากอาการผมร่วงเป็นผลมาจากฮอร์โมน DHT ส่วนขนบนใบหน้าจำเป็นต้องใช้ฮอร์โมน DHT กระตุ้นให้งอก ดังนั้นยาตัวดังกล่าวจึงไม่สามารถปลูกหนวดได้นั่นเอง
การเทคฮอร์โมน
การเทคฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนเป็นวิธีปลูกหนวดของผู้หญิง ที่ได้ผลอย่างมาก เหมาะมากกับผู้ที่ต้องการเป็นผู้ชายข้ามเพศ เนื่องจากผลของฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนไม่ได้มีแต่ทำให้หนวดขึ้นเท่านั้น แต่ยังทำให้ร่างกายแสดงลักษณะอื่นๆของเพศชาย เช่น กล้ามเนื้อและกระดูกเจริญเติบโต เกิดขนดกหนาในบริเวณต่างๆของร่างกาย เสียงทุ้มต่ำขึ้น เป็นต้น
นอกจากนี้ การเทคฮอร์โมนยังเป็นการรักษาสำหรับผู้ชายที่มีฮอร์โมนเพศน้อยกว่าปกติด้วย ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนมีหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบฉีด แบบเม็ด แบบทา และแบบแผ่นแปะ ซึ่งมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป
ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจใช้ฮอร์โมน เนื่องจากการเทคฮอร์โมนมักมีผลอื่นๆตามมามากมายนอกจากหนวดเครางอก หากได้รับเทสโทสเตอโรนในปริมาณที่มากเกินไปจะอันตรายมาก เนื่องจากทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคร้ายต่างๆ ทั้งโรคหัวใจ โรคตับ ปวดหัว โรคนอนไม่หลับ เป็นต้น
การผ่าตัดปลูกหนวด เครา จอน โดยศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมและหนังศีรษะ เป็นวิธีปลูกหนวดของผู้หญิง และเป็นวิธีทำให้หนวดเข้มสำหรับผู้ชายที่เห็นผลจริง แม้ในบริเวณที่ไม่มีเซลล์รากขนอยู่เลยก็ตาม
วิธีปลูกเครา ปลูกหนวดวิธีอื่นๆ จะเป็นการกระตุ้นให้รากขนบริเวณใบหน้าทำงานได้ดีขึ้น แต่วิธีนี้เป็นการปลูกรากขนลงไปในบริเวณที่ต้องการให้หนวดเคราขึ้น ซึ่งเมื่อปลูกแล้ว ขนสามารถงอก โกน หรือตัดแต่งได้เหมือนกับหนวดที่ขึ้นตามปกติ
แล้วรากขนที่นำมาปลูกนำมาจากไหน? รากขนที่นำมาปลูกนี้ นำมาจากบริเวณท้ายทอยและหลังกกหูของผู้เข้ารับการผ่าตัดเอง เนื่องจากขนบริเวณท้ายทอยเป็นผมถาวร ที่จะไม่ร่วงไปด้วยผลของฮอร์โมน DHT เหมือนกับขนบนใบหน้า ต่างจากเส้นผมบริเวณด้านหน้า หรือกลางศีรษะที่เมื่อฮอร์โมน DHT มากขึ้นก็จะบางและร่วงไป
หลังปลูกหนวด เครา จอนแล้ว ผลของการรักษาจะอยู่อย่างถาวรจนกว่ารากผมจะฝ่อไปตามอายุไขเมื่ออายุมากแล้วนั่นเอง
วิธีการปลูกหนวด เครา จอน มีด้วยกัน 2 วิธีหลัก แบ่งตามเทคนิคการผ่าตัดปลูกขน ได้แก่การปลูกหนวดแบบปลูกผม FUE และปลูกหนวดแบบปลูกผม FUT ซึ่งแตกต่างกันที่วิธีการนำรากผมออกมาจากบริเวณท้ายทอย
การปลูกหนวดแบบปลูกผม FUE จะนำรากผมออกมากจากท้ายทอยโดยการใช้เครื่องเจาะรากผมไฟฟ้า เจาะเฉพาะส่วนที่เป็นรากผมออกมา ข้อดีของวิธีการนี้คือไม่ทิ้งรอยแผลเป็นไว้ที่ท้ายทอยหลังทำ แผลหลังการผ่าตัดค่อนข้างเล็กและดูแลง่าย แต่ไม่เหมาะกับผู้ที่ผมท้ายทอยบางอยู่แล้ว เนื่องจากจะทำให้ผมที่ท้ายทอยบางลง
ส่วนการปลูกหนวดแบบปลูกผม FUT จะนำรากผมออกมาจากท้ายทอยโดยแพทย์จะตัดรากผมพร้อมหนังศีรษะส่วนบนบางส่วนในบริเวณท้ายทอยออกมาพร้อมกัน ก่อนจะนำแผ่นหนังศีรษะนั้นออกไปตัดแบ่งตามเซลล์รากขนใต้กล้องจุลทรรศน์
วิธีการนี้มีข้อดีคือรากผมที่นำมาปลูกมีประสิทธิภาพสูง โอกาสปลูกขึ้นจะสูงกว่าแบบแรก แต่ก็มีข้อเสียที่จะทิ้งรอยแผลเป็นบางๆแต่ค่อนข้างยาวไว้ที่ท้ายทอย ไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการไว้ผมสั้น เพราะจะทำให้เห็นแผลเป็นได้
ขั้นตอนการผ่าตัดปลูกหนวด เครา จอน
- เข้าปรึกษาแพทย์ หากไม่จำเป็นต้องผ่าตัด บนใบหน้ายังมีรากขนอยู่มาก แพทย์อาจจะแนะนำให้ใช้ยาปลูกหนวดแทน แต่ถ้าบนใบหน้ามีรากขนอยู่น้อยหรือแทบไม่มีเลย แพทย์จะแนะนำให้ผ่าตัดปลูกหนวด
- แพทย์กำหนดขอบเขตว่าจะปลูกหนวด เครา หรือจอนส่วนใดบ้าง จากนั้นแพทย์จะประเมินพื้นที่และจำนวนรากขนที่ต้องปลูก เพื่อนับจำนวนรากผมที่ต้องนำออกมาจากบริเวณท้ายทอย ประเมินราคา และเลือกวิธีการปลูกว่าควรเป็นแบบ FUE หรือ FUT
- เมื่อถึงวันปลูกหนวด แพทย์จะใช้ยาชาและยานอนหลับกับคนไข้ เพื่อให้ไม่เจ็บและคลายความกังวลระหว่างผ่าตัด เนื่องจากคนไข้จะตื่นอยู่ตลอดระหว่างการผ่าตัด จากนั้นแพทย์จะนำรากผมออกมาจากท้ายทอยตามแบบ FUE หรือ FUT
- แพทย์คัดเลือกรากผมที่แข็งแรง แล้วนำไปปลูกในบริเวณที่ต้องการให้มีหนวด เครา หรือจอน โดยจะปลูกรากผมลงไปทีละรากจนกว่าจะเต็มพื้นที่ เพื่อให้ผลการผ่าตัดออกมาสวยงาม ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด
ข้อดี – ข้อจำกัดของการผ่าตัดปลูกหนวด เครา จอน
ข้อดีของการผ่าตัดปลูกหนวด เครา จอน ได้แก่
- เห็นผลการรักษาค่อนข้างแน่นอน ทั้งยังเห็นผลไวกว่าวิธีปลูกหนวดแบบอื่นๆ
- หากรากขนติดอยู่กับผิวหนังแล้ว ผลการรักษาจะอยู่อย่างถาวร เหมือนเส้นขนจริงที่ขึ้นมาเองตามธรรมชาติ
- ใช้เวลาในการปลูกไม่นาน พักฟื้นเพียงไม่กี่วันก็สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ
- สามารถทำให้ขนขึ้นได้ แม้ในบริเวณที่ไม่เคยมีขนขึ้นมาก่อน
- สามารถออกแบบหนวด เครา จอนที่ต้องการได้เอง หรือหากไม่ทราบว่าตนเองเหมาะกับหนวด เครา จอนแบบใด แพทย์ผู้เชี่ยวชาญสามารถออกแบบให้เหมาะสมได้ตามโครงหน้าของคุณ
ข้อจำกัดของการผ่าตัดปลูกหนวด เครา จอน ได้แก่
- มีความเสี่ยงที่แผลจะเกิดการอักเสบ หรือติดเชื้อได้เหมือนกับการผ่าตัดอื่นๆ
- การปลูกหนวดและเครา เสี่ยงที่จะติดเชื้อมากกว่าการปลูกผมหรือขนในบริเวณอื่น เช่นปลูกจอน ปลูกคิ้วถาวร ปลูกผม เนื่องจากบริเวณปากเป็นแหล่งรวมของเชื้อโรคและแบคทีเรีย
- ผมที่ท้ายทอยต้องแข็งแรง และมีมากพอสำหรับการปลูก
รีวิวการผ่าตัดปลูกหนวด เครา จอน จาก Absolute hair clinic
ความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับ “ไอเทมปลูกหนวด”
ปัจจุบันอินเตอร์เน็ตเข้าถึงได้ง่าย วิธีปลูกหนวดเป็นสิ่งหนึ่งที่ผู้ที่ต้องการมีหนวดมักนำมาแชร์กันเพื่อลองทำตามๆกัน ซึ่งวิธีการส่วนใหญ่เป็นเพียงความเชื่อที่ถ้าพิจารณาตามหลักการทางวิทยาศาสตร์แล้วได้ผลน้อยมาก หรือไม่ได้ผลเลย
วิธีปลูกหนวดด้วยน้ำมันชนิดต่างๆ และวาสลีน
วิธีปลูกหนวดด้วยวาสลีน เป็นวิธีที่คนนิยมทำกันมาก เชื่อว่านอกจากจะเป็นวิธีเร่งหนวดแล้ว ยังทำให้หนวดเป็นเงางาม แต่งทรงได้ง่ายอีกด้วย
ในความเป็นจริงแล้ว วาสลีนไม่ได้ช่วยทำให้หนวด เครา จอน ขึ้นได้เร็ว หรือดกกว่าเดิมแต่อย่างใด
เนื่องจากวาสลีนเป็นเพียงปิโตเลียมเจลลี่ (Petroleum Jelly) และไม่มีส่วนผสมอื่นๆเลย ซึ่งปิโตเลี่ยมดังกล่าวไม่สามารถซึมเข้าผิวหนังเพื่อไปกระตุ้นให้รากขนสร้างหนวด เครา หรือจอนได้เลย
จริงๆแล้วการทาวาสลีนลงที่ผิวก็มีข้อดี เพราะเนื้อวาสลีนค่อนข้างหนาและกันน้ำได้ เมื่อทาลงผิวจึงสามารถกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ที่ผิวได้มาก แต่ก็ไม่ควรทาบ่อยจนเกิดไป เนื่องจากรูขุมขนบริเวณใบหน้าเกิดการอุดตันได้ง่าย เนื้อที่หนาของวาสลีนจะไปทำให้รูขุมขนอุดตันจนเกิดเป็นสิว และทำให้เส้นขนขึ้นมาได้ยากกว่าเดิม
และหากนำมาทาที่หนวด เครา หรือจอน หนวดเคราจะดูมัน เหนียว จับฝุ่น และทำให้ดูสกปรก ส่งผลให้ภาพลักษณ์ดูไม่ดีอีกด้วย
วิธีปลูกหนวดด้วยดอกอัญชัน
วิธีปลูกหนวดด้วยดอกอัญชัน เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ใช้กันมาตั้งแต่โบราณ ด้วยเชื่อกันว่าจะทำให้ผมดกดำกว่าเดิม เพียงนำดอกอัญชันไปบด และพอกไว้บนหนังศีรษะ ต่อมาเมื่อนิยมไว้หนวด เครา จอน ดอกอัญชันบดจึงถูกนำมาทาพอกไว้บนใบหน้าด้วยเช่นกัน
แต่ในความเป็นจริงแล้ว วิธีปลูกหนวดด้วยดอกอัญชันยังไม่ได้รับการยืนยันผลลัพธ์ทางวิทยาศาสตร์
ในดอกอัญชันนั้น อุดมไปด้วยสารแอนโทไซยยานิน (Anthocyanin) มีงานวิจัยหนึ่งระบุว่าสารดังกล่าวทำให้หลอดเลือดทำงานได้ดีขึ้น ช่วยในการไหลเวียนเลือดอย่างมาก ดังนั้นหากดอกอัญชันทำให้เลือดไหลเวียนได้ดี ก็สามารถทำให้สารอาหารไปเลี้ยงที่รากขนได้ดีขึ้น หนวด เครา และจอนสามารถงอกได้มากขึ้น
แต่ในความเป็นจริง วิธีที่นิยมใช้กันคือการนำมาบดและพอก ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มีงานวิจัยที่มารองรับว่าแอนโทไซยยานินในดอกอัญชันสามารถซึมเข้าสู่ผิวหนังลงไปลึกถึงเส้นเลือดได้ ดังนั้นหากต้องการใช้ดอกอัญชันจริงๆ การนำมาทานจะได้ผลมากกว่า แต่ก็จะต้องทานในปริมาณมากเพื่อให้ได้ปริมาณแอนโทไซยยานินที่เพียงพอ
ดังนั้นอัญชันจึงไมใช่ตัวเลือกที่ดีนักในการปลูกหนวด และเป็นการช่วยให้หนวดขึ้นในทางที่อ้อมมากๆ ซึ่งอาจจะไม่เห็นผลใดๆเลยก็ได้
วิธีปลูกหนวดด้วยการทาสารอาหารบำรุงขนและผมลงบนผิว
สารอาหารที่จำเป็นต่อการสร้างหนวด เครา จอน เป็นสารประกอบโมเลกุลขนาดใหญ่ สารที่จะซึมเข้าสู่ผิวหนังจนเกิดผลเฉพาะที่ได้ต้องมีคุณสมบัติสองอย่าง คือต้องมีขนาดที่เล็กมากและต้องละลายในไขมันได้ ดังนั้นสารอาหารที่อยู่ในพืชผักหรือผลไม้ต่างๆที่นิยมนำมาพอกลงบนหนวดกันนั้นไม่ใช่สารสกัด จึงมีโมเลกุลที่ใหญ่ และไม่สามารถซึมเข้าสู่ผิวหนังได้
วิตามินบางชนิดที่อยู่ในครีมเสริมความงามต่างๆ สามารถซึมเข้าผิวหนังได้ก็จริง แต่วิตามินเหล่านั้นเป็นวิตามินสังเคราะห์ หากเป็นวิตามินธรรมชาติที่อยู่ในผักผลไม้ จะสลายตัวก่อนได้ซึมเข้าสู่ผิวหนังนั่นเอง
ดังนั้นวิธีปลูกหนวดด้วยการพอกน้ำมัน ดอกไม้ หรือผักผลไม้ต่างๆ ไม่ได้ช่วยเพิ่มสารอาหารใดๆเลยให้กับผิว ไม่ได้เป็นวิธีเร่งหนวด และอาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อหรือรูขุมขนอุดตันด้วย
วิธีปลูกหนวดด้วยการโกนหนวดบ่อยๆ
หลายคนเชื่อว่าวิธีปลูกหนวดอีกวิธีหนึ่งคือการโกนหนวดบ่อยๆ เชื่อกันว่าถ้าโกนบ่อยๆจะทำให้ขนยาวเร็วขึ้น และดกมากขึ้น ความจริงแล้วไม่ใช่เลย
หนวดขึ้นเร็ว ขึ้นช้า ขึ้นหนา หรือขึ้นบางจะขึ้นอยู่กับพันธุกรรม ฮอร์โมน ตัวรับฮอร์โมน การไหลเวียนเลือด และสารอาหาร การโกนหนวดไม่ได้มีผลอะไรต่อปัจจัยเปล่านี้เลย อีกทั้งการโกนหนวด เครา จอน ยังเป็นการทำร้ายเนื้อเยื่อบนผิวหน้า หากโกนบ่อยเกินไปอาจจะทำให้ผิวหนังแห้ง แดง และอักเสบได้
การเลือกวิธีปลูกหนวดที่เหมาะกับคุณ
วิธีการปลูกหนวด เครา จอนมีหลายวิธี แต่ละวิธีส่งผลกับแต่ละคนไม่เหมือนกัน ทางที่ดีคือควรทดลองไปเรื่องๆโดยเริ่มจากเรื่องที่ง่ายที่สุดคือการปรับพฤติกรรม และการทานสารอาหารที่มีประโยชน์ควบคู่กันไป
หากไม่ได้ผล หรือเห็นผลน้อยกว่าที่ต้องการ ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อขอคำปรึกษา แพทย์อาจจะแนะนำให้เริ่มใช้ยา หรือผ่าตัดปลูกหนวดเป็นกรณีสุดท้าย
ข้อสรุป
ก่อนเลือกวิธีปลูกหนวดที่แชร์กันบนโลกอินเทอร์เน็ต ควรตรวจสอบก่อนว่ามีข้อดีข้อเสียอย่างไร ได้ผลจริงไหม มีผลวิจัยใดออกมายืนยันหรือยัง หากมีข้อสงสัยและต้องการให้หนวดขึ้นโดยไม่ต้องรอนาน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางรักษาที่เหมาะสมกับคุณต่อไป
มีข้อสงสัยเกี่ยวกับวิธีปลูกหนวด ต้องการปรึกษาแพทย์เพื่อเริ่มใช้ยาปลูกหนวดหรือต้องการผ่าตัดปลูกหนวด สามารถนัดเวลากับแพทย์จาก Absolute hair clinic ได้ที่ Line: @Absolutehairclinic