หลายคนยังมองว่า เล่นเกมส์ คือเรื่องไร้สาระ เป็นแค่ความบันเทิงที่ดูดพลังชีวิตและเวลาชีวิตแบบเปล่าประโยชน์ แต่เอาจริง ๆ แล้ว เกมยุคนี้มันไปไกลกว่าแค่ ความสนุก เยอะมาก เพราะในขณะที่เรากำลังตะลุยด่านหรือวางแผนบุกเบสศัตรูแบบเมามัน สมองเราก็กำลังฝึกการคิดวิเคราะห์ การตัดสินใจแบบเฉียบคม และการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าโดยไม่รู้ตัว นี่ยังไม่นับเรื่องฝึกภาษาอังกฤษจากเกม RPG หรือเกมออนไลน์ที่ต้องสื่อสารกับเพื่อนต่างชาติ รวมถึงการเรียนรู้เรื่องการทำงานเป็นทีมผ่านโหมด Co-op หรือ Multiplayer ที่ช่วยให้หลายคนพัฒนาทักษะการสื่อสารได้แบบไม่ต้องนั่งเรียนในห้อง นอกจากนี้ เกมยังเป็นแหล่งระบายความเครียดชั้นเยี่ยม ใครอารมณ์หม่น ๆ แค่ได้เล่นเกมโปรดซัก 30 นาที โลกก็สดใสขึ้นมาเฉย ๆ เพราะฉะนั้นใช่ เกมมันสนุก แต่มันก็ฉลาด และมีคุณค่าได้ ถ้าเราเล่นให้เป็น
เลือกเกมยังไงให้เหมาะกับตัวเอง ไม่หัวร้อน ไม่หลงทาง
การจะ เล่นเกมส์ ให้สนุกแบบไม่ปวดตับ สิ่งแรกที่ควรเริ่มไม่ใช่โหลดเกมตามกระแส แต่คือ รู้จักตัวเองก่อนว่าเราเป็นสายไหน สายลุย สายวางแผน สายสร้าง หรือสายชิลล์ เพราะเกมมันก็เหมือนรองเท้า ต่อให้ดังแค่ไหน ถ้ามันกัดเท้าเราก็ไม่มีทางเดินสนุกอยู่ดี ถ้าคุณชอบความเร็ว ความตื่นเต้น ก็ไปแนว FPS หรือ Battle Royale อย่าง PUBG หรือ COD แต่ถ้าเป็นสายเนิบชอบควบคุมทุกอย่าง ลองแนวสร้างเมืองหรือเกมจำลองอย่าง The Sims, Cities: Skylines จะสบายใจกว่า ส่วนใครอยากเล่นชิลล์ ๆ หลังเลิกงานไม่ต้องใช้สมองมาก แนะนำแนว puzzle หรือ idle game ก็เพลินดี แถมไม่หัวร้อน ที่สำคัญคืออย่าฝืน เล่นเกมส์ ที่ ไม่ใช่เรา เพราะมันจะทำให้หมดสนุก เปลืองเวลา แถมอาจโดนหัวร้อนจากเพื่อนในทีมอีกต่างหาก สรุปง่าย ๆ เกมที่ดีไม่ใช่แค่เกมที่ดัง แต่คือเกมที่ อยู่แล้วรู้สึกว่าใช่ มากกว่า
เกมออนไลน์ vs เกมออฟไลน์ ต่างกันยังไง? เลือกเล่นแบบไหนดี
เกมออนไลน์ กับ เกมออฟไลน์ ต่างกันทั้งคู่มีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง แต่เหมาะกับคนละอารมณ์ เกมออนไลน์คือโลกที่มีผู้เล่นจริง ๆ อยู่ร่วมกันแบบเรียลไทม์ สร้างประสบการณ์ที่สดใหม่ทุกครั้งที่เข้าเกม เหมาะกับคนที่ชอบความท้าทายแบบแข่งขัน ชอบเจอเพื่อนใหม่ หรืออยากเล่นเป็นทีม แต่ข้อเสียคือ เน็ตต้องนิ่ง และมักเจอปัญหา toxic player หรือแรงกดดันจากแรงค์ ในขณะที่เกมออฟไลน์คือพื้นที่ส่วนตัวที่ควบคุมทุกอย่างได้ เล่นเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ต้องง้อใคร ไม่ต้องรีบเข้ากิลด์ หรือโดนด่าเพราะยิงพลาด เหมาะกับคนที่อยาก เล่นเกมส์ เพื่อพักผ่อน ไม่เร่งรีบ ไม่ต้องแข่งขัน แต่บางทีก็เหงา และอาจหมดไฟเร็ว เพราะไม่มีการอัปเดตแบบออนไลน์ สรุปคือ ถ้าชอบความวุ่นวายแบบสนุก ๆ ไปออนไลน์ แต่ถ้าอยากเล่นแบบสโลว์ไลฟ์ เน้นเนื้อเรื่อง ไม่ปวดหัวกับใคร ออฟไลน์คือทางที่ใช่