สิวที่หัว ปัญหาที่สร้างความรำคาญอย่างมาก ทั้งมีรังแคเยอะ คันศีรษะ เกาไปถูกสิวก็เจ็บ แสบ รักษายากกว่าสิวที่ใบหน้า และไม่สามารถบีบเองได้ แต่ในความเป็นจริง สิวที่หัวไม่ใช่แค่สร้างความรำคาญเท่านั้น แต่อาจนำมาซึ่งโรคผิวหนังอักเสบบนศีรษะอย่างเรื้อรัง หรืออาการผมร่วง ผมบาง ผมหายเป็นหย่อมร่วมด้วย
ในบทความนี้ Absolute Hair Clinic ได้รวบรวมสิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับสิวที่หัว ว่าสิวที่หัวคืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร สิวที่ศีรษะมีผลเสียอะไรบ้าง เป็นสิวที่หัว รักษายังไง และมีวิธีการป้องกันหัวเป็นสิวได้อย่างไร
สิวที่หัว (Scalp Acne)
สิวที่หัว คือภาวะที่เกิดจากรูขุมขนบนศีรษะอุดตัน ทำให้หนังศีรษะเป็นตุ่ม เหมือนสิว โดยบริเวณที่พบบ่อยคือ สิวขึ้นท้ายทอย หรือตามแนวไรผม สิวที่หัวจะมีลักษณะเป็นตุ่ม ขึ้นที่หัว คล้ายสิวที่พบบริเวณใบหน้า หน้าอก หรือหลัง และเกิดจากสาเหตุเดียวกันด้วย แต่มีโอกาสเกิดยากกว่า
ลักษณะของสิวที่ศีรษะ จะมีลักษณะหัวเป็นตุ่ม เหมือนสิวนูน รู้สึกได้จากการสัมผัส บางครั้งมีอาการคัน ตุ่มมีสีแดง รู้สึกเจ็บเมื่ออะไรไปสัมผัสโดน หรืออาจติดเชื้อแทรกซ้อนจนกลายเป็นตุ่มหนองด้วย
ส่วนใหญ่จะพบในช่วงวัยรุ่น หรือช่วงวัยทอง ที่ฮอร์โมนในร่างกายเริ่มเปลี่ยนแปลง เมื่อเวลาผ่านไปสิวที่หัวจะลดลงเอง แต่ในบางรายก็อาจเป็นเรื่อย ๆ จนถึงอายุ 40 – 60 ปี
“สิวบนหัวเกิดจากอะไร” จากคำถามดังกล่าว เรามีคำตอบ คือ สิวขึ้นหัว เกิดจากการอุดตันบริเวณรูขุมขน สิ่งที่ไปอุดตันคือเซลล์ตายแล้วที่ผลัดออก สิ่งสกปรก และน้ำมันส่วนเกินที่หนังศีรษะ หลายคนคิดว่าสิวเกิดจากความสกปรก แต่บางครั้งทำความสะอาดหนังศีรษะดีแล้วก็ยังเกิดสิวที่หัวได้ เพราะการอุดตันเกิดได้จากหลายสาเหตุไม่ใช่แค่ความสกปรก สิ่งที่เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดสิวที่หัว ได้แก่
ความมันบนหนังศีรษะ
โดยปกติแล้วที่รูขุมขนของคนเราจะมีต่อมไขมันอยู่ ต่อมไขมันนี้จะทำหน้าที่สร้างน้ำมันออกมาเคลือบเส้นผมและหนังศีรษะไว้ เพื่อกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ที่ผม แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ความมันเสียสมดุลจนหนังศีรษะมันหรือแห้งเกินไป จะทำให้เกิดผลเสียต่าง ๆ ได้ หนึ่งในนั้น คือ การเป็นสิวที่หัว หรือ สิวที่หนังศีรษะ
หากก้อนน้ำมันอุดตันอยู่ที่รูขุมขน น้ำมันที่สร้างจากต่อมไขมันจะไม่สามารถออกมาด้านนอกได้ ไขมันดังกล่าวจะทับถมกัน รวมกับสิ่งสกปรกหรือเซลล์ที่ตายแล้ว เกิดเป็นไตแข็งและเป็นตุ่มที่หัว จนกลายเป็นสิวที่หัวขึ้นมา
นอกจากนี้ การที่ไขมันอุดตันรูขุมขนยังสามารถทำให้เป็นสิวอักเสบได้ด้วย เนื่องจากที่หนังศีรษะจะมีเชื้อราและเชื้อแบคทีเรียอยู่ โดยปกติแล้วเชื้อดังกล่าวจะไม่ได้ส่งผลเสียอะไร แต่เมื่อผมมัน หรือมีน้ำมันมากในบางบริเวณ เชื้อดังกล่าวที่กินน้ำมันหนังศีรษะเป็นอาหารจะเพิ่มจำนวนขึ้น หากเชื้อราและเชื้อแบคทีเรียลงไปในรูขุมขนที่มีน้ำมันอุดตันอยู่ ก็จะทำให้เกิดการอักเสบหรือติดเชื้อจนเกิดหนองได้
การอุดตันของสิ่งสกปรกสะสม
การเป็นสิวขึ้นหัวเกิดจากการอุดตันของสิ่งสกปรกร่วมกับน้ำมันจากรูขุมขน หากสระผมน้อยเกินไป สิ่งสกปรกต่าง ๆ จะสะสม เมื่อรวมกับความมันที่ศีรษะ จะทำให้เกิดเป็นก้อนอุดตันบริเวณรูขุมขน น้ำมันจากต่อมไขมันจะไม่ถูกระบาย จากนั้นจะทับถมรวมกับสิ่งสกปรกและเกิดเป็นสิวที่หัวในที่สุด
สิวที่หัวจากฮอร์โมน
สิวที่หัวจากฮอร์โมนสามารถเกิดได้ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย จากฮอร์โมนคนละตัวกัน
ในผู้ชายสิวขึ้นที่หัวจากฮอร์โมน จะเกิดจากฮอร์โมนแอนโดรเจน (Androgen) ฮอร์โมนตัวนี้จะมีระดับเพิ่มขึ้นเมื่อผู้ชายเข้าสู่วัยรุ่น เมื่อระดับฮอร์โมนสูงขึ้น จะส่งผลกับการทำงานของต่อมไขมัน ต่อมไขมันจะสร้างน้ำมันออกมามากขึ้นจนน้ำมันส่วนเกินอุดตันเกิดเป็นสิวที่หัว ใบหน้า หน้าอก หลัง หรือส่วนอื่นๆด้วย
ส่วนในผู้หญิง สิวที่หัวจากฮอร์โมนเกิดจากระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) และโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ที่เป็นฮอร์โมนเพศหญิงลดลง พบเป็นสิวที่หัวได้มากในช่วงก่อนเป็นประจำเดือน เข้าสู่วัยทอง และช่วงหลังคลอด
ช่วงเวลาดังกล่าวจะเป็นช่วงที่ระดับฮอร์โมนเพศหญิงลดลง เมื่อระดับฮอร์โมนลดลงจะกระตุ้นให้ต่อมไขมันทำงานเพิ่มขึ้น และเกิดสิวที่หัวก็จะจากสาเหตุเดียวกับสิวที่ศีรษะจากฮอร์โมนในเพศชาย
การอักเสบของรูขุมขน
หนังศีรษะอักเสบ เป็นตุ่ม เหมือนสิว อาจไม่ใช่สิวที่หัว แต่เป็นรูขุมขนอักเสบได้ การอักเสบของรูขุมขนเกิดจากการที่รูขุมขนถูกรบกวนจากพฤติกรรมบางอย่าง เช่น โกนผม เกาหนังศีรษะ ดึงผม หรือมัดผมตึงเกินไป จนเกิดแผลเปิดขนาดเล็กทำให้เชื้อราและแบคทีเรียที่อยู่บนผิวหนังอยู่แล้วเข้าไปในรูขุมขนได้ จนเกิดการอักเสบ กลายเป็นรูขุมขนอักเสบในที่สุด
ลักษณะของรูขุมขนอักเสบจะคล้ายสิว แต่จะต่างกันคือ รูขุมขนอักเสบส่วนใหญ่จะเป็นตุ่มหนอง มีรอยแดงรอบ ๆ และมีเส้นผมงอกอยู่ตรงกลางตุ่มหนองนั้น หากเกิดที่ศีรษะก็จะรักษาคล้ายกับการเป็นสิวที่หัว คือการใช้ยาฆ่าเชื้อร่วมกับการรักษาความสะอาด
สิวที่หัวเกิดได้หลายรูปแบบเหมือนสิวบริเวณอื่น โดยชนิดของสิว ได้แก่
สิวที่หัวเล็กน้อย
- สิวหัวดำ (Blackheads)
สิวหัวดำเป็นสิวหัวเปิดชนิดหนึ่ง ที่สามารถมองเห็นหัวสิวได้จากภายนอก หากไม่มีการอักเสบร่วมด้วยสิวหัวดำจะไม่เจ็บ และไม่ค่อยมีรอยแดงรอบ ๆ มีหัวสิวเป็นไตแข็งตรงกลาง บริเวณหัวสิวด้านบนเป็นสีดำจากการทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอาการ
สิวหัวดำเกิดจากการอุดตันบริเวณรูขุมขน หัวสิวที่เป็นไตแข็งเกิดจากการทับถมของน้ำมันที่สร้างจากต่อมไขมัน สิ่งสกปรก และเซลล์ที่ตายแล้ว สามารถรักษาด้วยการทายาร่วมกับการกดสิวโดยแพทย์
- สิวหัวขาว (Whiteheads)
สิวที่หัว สิวหลังหัว ที่เป็นสีขาว มีหัวปิด เรียกว่าสิวหัวขาว เป็นสิวอุดตันคล้ายกับสิวหัวดำ แต่ไม่มีรูเปิดให้เห็นหัวสิว เกิดจากการอุดตันของน้ำมันจากต่อมไขมันและเซลล์ที่ตายแล้ว เมื่อสัมผัสจะรู้สึกว่าเป็นตุ่มนูน หัวสิวจะอยู่ลึกและบีบยาก หากไม่รักษาอาจติดเชื้อและอักเสบจนเป็นสิวอักเสบที่หัวได้
สิวที่หัวปานกลาง
- สิวแบบตุ่มนูนแดง (Papule)
สิวที่หัวที่เรียกว่าสิวตุ่มนูนแดงหรือสิวอักเสบขนาดเล็ก คือสิวหัวขาวที่ติดเชื้อแบคทีเรียจนเกิดการอักเสบขึ้น ลักษณะเป็นสิวหัวปิด เป็นตุ่มนูน มีอาการบวมแดงร่วมด้วย หากไปแกะ เกา หรือไม่รักษา อาจจะอักเสบมากกว่าเดิมจนกลายเป็นสิวอักเสบที่หัวขนาดใหญ่ได้
- สิวหัวหนอง (Pustule)
สิวหัวหนอง เป็นสิวที่พัฒนามาจากสิวอักเสบ เมื่อติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อราที่รูขุมขน เม็ดเลือดขาวจะมาทำลายแบคทีเรียและเชื้อรา พร้อมทั้งป้องกันไม่ให้เข้าไปในระบบอื่น ๆ ในร่างกาย กระบวนการนี้เป็นตัวการทำให้เกิดการอักเสบขึ้น และเมื่อแบคทีเรีย เชื้อรา และเม็ดเลือดขาวเหล่านั้นตาย จะกลายเป็นหนอง ในบริเวณที่เป็นสิวที่หัวนั่นเอง
ลักษณะของสิวหัวหนองจะเป็นสิวหัวปิด เป็นตุ่มนูน มีอาการปวด บวม แดง รอบ ๆ ตุ่มสิว ตรงกลางเป็นหนองอยู่ใต้ผิวหนัง ลักษณะสีขาวเหลือง
สิวที่หัว ที่เป็นสิวหัวหนอง ทำให้ผมร่วงได้หากไม่รักษาเป็นเวลานาน หรือแกะเกาสิวอยู่บ่อยๆจนทำให้เป็นแผลเป็น เกิดหลุมสิว และหากเป็นมาก ๆ อาจเกิดเป็นหัวล้านเฉพาะจุดได้ เรียกได้ว่า เป็นสิวที่หัว ผมร่วงร่วมด้วย
สิวที่หัวแบบรุนแรง
- สิวอักเสบขนาดใหญ่ (Nodule)
สิวอักเสบที่หัวขนาดใหญ่ จะมีลักษณะเป็นตุ่มแดงใหญ่ บางครั้งไม่สามารถเห็นหัวหนองของสิวได้จากภายนอก แต่เมื่อจับจะเป็นไตแข็งมีอาการปวด บวม และเจ็บร่วมด้วย เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่ลงไปลึกถึงใต้ผิวหนัง ทำให้สิวที่หัวเกิดการอักเสบเกิดยาวนานและเรื้อรัง
หากไม่รักษาสิวที่หัวและทิ้งไว้เป็นเวลานาน แม้หายแล้วก็สามารถเป็นแผลเป็นได้ หากเป็นแผลเป็นจะทำให้ผมหายเป็นหย่อม
- สิวหัวช้าง (Cyst)
เป็นสิวที่หัว เม็ดใหญ่ อาจเป็นสิวหัวช้างได้ สิวหัวช้างเป็นสิวอุดตันชนิดหนึ่งที่พัฒนาจากการอักเสบติดเชื้อรุนแรง เป็นสิวที่มีขนาดใหญ่มาก มีอาการปวด บวม แดงร่วมด้วย ลักษณะของสิวเป็นไตแข็งคล้ายกับสิวอักเสบขนาดใหญ่ แต่จะเจ็บกว่า และตัวสิวกินพื้นที่กว้างกว่า บางคนเป็นสิวอักเสบที่หัว แล้วปวดหัวบริเวณหนังศีรษะที่เป็นสิว สิวที่เกิดขึ้นอาจเป็นสิวหัวช้างได้
หากปล่อยไว้นาน เมื่อสิวที่หัวหายจะเป็นแผลเป็นขนาดใหญ่ นอกจากจะมีสิวที่หัว ผมร่วงมากขึ้น จนหัวล้านในบริเวณหนึ่งถาวรได้เช่นเดียวกับสิวอักเสบชนิดอื่น ๆ วิธีแก้ผมร่วงจากสิวอักเสบ คือต้องไปพบแพทย์และรักษาก่อนที่การอักเสบจะทำลายเซลล์ต่าง ๆ มากเกินไป และเกิดเป็นแผลเป็นขนาดใหญ่ในที่สุด
สิวขึ้นหัวเยอะมาก อาจเป็นเรื่องปกติ แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นอาการที่ควรรักษา เนื่องจากการเกิดสิวที่หัวไม่ใช่แค่การเป็นสิว แต่อาจเกิดอาการข้างเคียงอื่นๆตามมาจากการเป็นสิวได้ ดังนี้
อาการปวดหรือเจ็บที่ตุ่มสิว
การเป็นสิวที่หัวทำให้รู้สึกเจ็บหรือปวดได้ โดยเฉพาะสิวอักเสบ เนื่องจากร่างกายของคนเรามีระบบภูมิคุ้มกันที่พยายามไม่ให้สิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกาย เมื่อเป็นสิว โดยเฉพาะสิวหัวเปิด เชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า P.acnes หรือ Propionibacterium acnes ที่อยู่ทั่วไปบนผิวหนัง จะพยายามเข้าสู่รูขุมขน และเข้าสู่ร่างกาย ระบบภูมิคุ้มกันจะมาทำลายเชื้อเหล่านี้จนเกิดการอักเสบขึ้น
ดังนั้นเมื่อเป็นสิวที่หัวอักเสบ จะมีอาการปวด บวม แดง ร้อนที่ผิวหนังบริเวณที่เป็นสิว และทำให้รู้สึกเจ็บได้
ผู้เข้ารับการรักษาบางคน เป็นสิวอักเสบที่หัว แล้วปวดหัวร่วมด้วย หากปวดหัว ไม่ได้ปวดที่หนังศีรษะ อาจจะเกิดจากสาเหตุอื่นที่ไม่ใช่การอักเสบ แต่อาจเกิดจากสภาพอากาศ สภาวะร่างกาย หรือความเครียด ที่เป็นต้นเหตุของการเกิดสิวที่หัวอีกทีหนึ่ง
อาการคัน ระคายเคือง
อาการคันและระคายเคืองหลังการเป็นสิวที่หัว เกิดขึ้นเพราะหนังศีรษะแห้ง เมื่อเป็นสิวที่หัว สิ่งสกปรกและน้ำมันจากต่อมไขมันจะอุดตันรูขุมขน ทำให้น้ำมันจากต่อมไขมันที่สร้างขึ้นไม่สามารถออกจากรูขุมขนได้
ในที่สุด ผิวหนังในบริเวณนั้นจะแห้ง จนเกิดการระคายเคืองขึ้น ยิ่งเกายิ่งทำให้หนังศีรษะแห้ง อุดตันมากขึ้น และทำให้เกิดการระคายเคืองมากขึ้นด้วย ส่งผลให้เกิดสิวที่หัวได้ง่าย
หนังศีรษะลอก
หนังศีรษะลอก หรือรังแค สามารถเกิดได้ทั้งก่อนและหลังการเกิดสิวที่หัว หากหนังศีรษะลอกเกิดก่อนสิว หนังศีรษะลอกจะเกิดจากอาการต่าง ๆ ทั้งหนังศีรษะแห้งเกินไป การเป็นรังแคเปียก หรือจากการแพ้สารเคมี หนังศีรษะเล็ก ๆ ที่ลอกออกมาจะเกาะตัวรวมกับน้ำมันจากรูขุมขน จนทำให้รูขุมขนอุดตันและเกิดสิวที่หัว
ถ้าหนังศีรษะลอกเกิดหลังการเป็นสิวที่หัว สิวจะเป็นต้นเหตุของหนังศีรษะลอกแทน เนื่องจากหัวสิวอุดตันรูขุมขน ทำให้ไม่มีที่ให้น้ำมันออกมาจากต่อมไขมัน เมื่อไม่มีน้ำมันช่วยรักษาความชุ่มชื้น ผิวหนังจะแห้งและลอก เกิดเป็นหนังศีรษะลอกได้
หนังศีรษะอักเสบ
หนังศีรษะอักเสบ เป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่ค่อนข้างอันตรายกว่าสิวที่หัว การเป็นสิวนั้น หากหัวสิวและเชื้อโรคที่ทำให้เกิดการอักเสบหายไป สิวที่หัวก็จะหายกลายเป็นผิวหนังปกติ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เกิดการติดเชื้อค่อนข้างลึกถึงต่อมไขมัน จะทำให้เกิดเป็นหนังศีรษะอักเสบ ที่จะเป็น ๆ หาย ๆ อย่างเรื้อรัง
หนังศีรษะอักเสบจะมีลักษณะเป็นผื่นบวมแดงที่หนังศีรษะ หนังศีรษะลอกเป็นขุย ทำให้รู้สึกเจ็บ แสบ และคันเวลาที่เป็น โดยอาการหนังศีรษะอักเสบจะกำเริบก็ต่อเมื่อมีปัจจัยกระตุ้น เช่น สภาพอากาศ ความร้อน ความชื้น อาหาร การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือร่างกายอ่อนแอกว่าปกติ
วิธีรักษาหนังศีรษะอักเสบมีหลายวิธี ส่วนใหญ่คล้ายการรักษาสิว เช่น การใช้ยาสระผมผสมยาฆ่าเชื้อราและเชื้อแบคทีเรีย ใช้ยาสเตียรอยด์ หรือการใช้แสงบำบัด
ผมร่วง
หลายคนอาจสงสัยว่า เป็นสิวที่หัว ผมร่วงจริงหรือ ซึ่งผมร่วงจริง โดยสามารถเกิดได้จากทั้งสิวอักเสบ และสิวที่ไม่อักเสบ
สิวที่หัวที่ไม่อักเสบนั้น หากทิ้งไว้นานหัวสิวจะมีขนาดใหญ่ เมื่อกดหัวสิวออก หรือหัวสิวหลุดออกไป สิวที่หัวจะกลายเป็นหลุมสิวขนาดใหญ่ เพราะการอุดตันในปริมาณที่มาก และลึกในระดับหนึ่ง จะทำให้รูขุมขนถูกทำลาย กลายเป็นแผลเป็นที่เส้นผมไม่สามารถงอกขึ้นมาได้อีก ทำให้ผมร่วง หัวล้านเฉพาะบริเวณที่เป็นหลุมสิวที่หัวในที่สุด
ส่วนสิวที่หัวอักเสบนั้นอันตรายยิ่งกว่า เนื่องจากการอักเสบติดเชื้อที่ไม่รักษา อาจทำให้เชื้อแบคทีเรียกระจายไปเป็นวงกว้าง เกิดการอักเสบใต้ผิวหนัง ทำให้เซลล์บางส่วนถูกทำลาย หากเซลล์รากผมเสียหายจากการอักเสบ จะทำให้ผมร่วงได้ ผมที่ร่วงนั้นอาจไม่ได้ร่วงแค่บริเวณที่เป็นสิวที่หัว แต่อาจจะทำให้ผมร่วงเป็นบริเวณกว้างได้
เมื่อผมร่วงไป การอักเสบจะไม่ได้หยุดแค่นั้น เมื่อการอักเสบหายไป รากผมจะถูกทำลายอย่างถาวร และเกิดแผลเป็นขึ้นบริเวณหนังศีรษะ ทำให้ผมร่วง หัวล้านอย่างถาวรในบริเวณที่เกิดการสิวที่หัวอักเสบ ดังนั้นหากเป็นสิวที่หัวเต็มไปหมด ควรพบแพทย์อย่างน้อย 1 ครั้งเพื่อขอคำปรึกษาหรือรับการรักษาต่อไป
วิธีแรกของการรักษาสิวที่หัว ก็คือ การรักษาความสะอาดของเส้นผมและหนังศีรษะ เพราะการสระผมเป็นเรื่องสำคัญ และเป็นการรักษาความสะอาดขั้นพื้นฐานสำหรับเส้นผมและหนังศีรษะ สำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองร้อนอย่างประเทศไทย ควรสระผมสัปดาห์ละ 3 – 4 ครั้ง ไม่มากไม่น้อยไปกว่านี้ เพื่อรักษาสมดุลของน้ำมันบนศีรษะ และลดการเกิดสิวที่หัว
นอกจากนี้ ยังควรสระผมด้วยน้ำอุณหภูมิปกติ ไม่ควรใช้น้ำร้อนหรือน้ำเย็นจนเกินไป เนื่องจากอาจทำให้หนังศีรษะแห้งจนหนังศีรษะลอก หรือทำให้ความมันบนหนังศีรษะเสียสมดุล ซึ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงการเกิดสิวที่หัวหรือสิวที่หนังศีรษะ
เลือกใช้แชมพูที่มีส่วนประกอบที่ช่วยดูแลหนังศีรษะ
อีกหนึ่งวิธีของการรักษาสิวที่หัว คือ การใช้ยาสระผมแก้สิวที่หัว หากไม่ได้เป็นมากขนาดต้องใช้ยาฆ่าเชื้อราหรือเชื้อแบคทีเรีย สามารถเลือกส่วนผสมต่าง ๆ ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น เพื่อรักษาสมดุลความมันและป้องกันหนังศีรษะลอก หรือส่วนผสมที่ช่วยควบคุมปริมาณแบคทีเรียบนหนังศีรษะได้ โดนต้องเป็นสารที่ไม่อันตรายและไม่มีผลข้างเคียงเหมือนยา ช่วยในการรักษาสิวที่หัวได้
ส่วนผสมดังกล่าว เช่น
- น้ำมันธรรมชาติ เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันอะโวคาโด้ น้ำมันโจโจบา หรือน้ำมันแอลมอน
- สารสกัดจากสมุนไพรบางชนิด เช่น สะระแหน่ โรสแมรี่ ชาเขียว สะเดา เป็นต้น
- ว่านหางจรเข้ เพิ่มความชุ่มชื้น
- Tea tree oil ที่ช่วยลดอาการอักเสบ ทำลายแบคทีเรียและเชื้อราต้นเหตุสิว ความคุมความมันบนผิวหนัง
หากสิวขึ้นหัวเยอะมาก และมีอาการอักเสบมาก แพทย์อาจจะให้ใช้ยาสระผมผสมยาลดการอักเสบ ยาฆ่าเชื้อรา หรือยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ยาดังกล่าวที่ผสมอยู่ในยาสระผม ตัวอย่างเช่น Ketoconazole, Selenium Sulfide ช่วยฆ่าเชื้อราบนหนังศีรษะ, Pyrithione Zinc ที่ช่วยฆ่าเชื้อราและเชื้อแบคทีเรีย, หรือแชมพูที่มีส่วนผสมของ Tar ที่ช่วยลดการอักเสบ
ทั้งนี้ ควรปรึกษากับแพทย์เพื่อหาสาเหตุของการเกิดสิวที่หัวก่อน แล้วจึงเลือกใช้ยาสระผมแก้สิวที่หัวจากต้นเหตุ
หลีกเลี่ยงการบีบ แกะ เกา สิวที่หัว
การบีบสิวด้วยตัวเอง ไม่ใช่วิธีการรักษาสิวที่หัวที่ดีเลย เนื่องจากการบีบสิวอาจทำให้เกิดแผลเปิด จนเชื้อแบคทีเรียสามารถเข้าไปในแผลได้มากขึ้น ทำให้เกิดการอักเสบมากขึ้น อีกทั้งการบีบสิวที่หัวยังทำร้ายเซลล์ผิวหนัง ทำให้ผิวหนังช้ำ แผลหายช้าลง เมื่อสิวที่หัวหายไปจะเกิดแผลเป็นและหลุมสิวได้ง่ายกว่าปกติด้วย
การรักษาสิวที่หัวด้วยการใช้ยา
การรักษาสิวที่หัวด้วยยาที่อยู่ในแชมพู สามารถหาซื้อเองได้ตามร้านขายยาโดยไม่ต้องให้แพทย์เป็นผู้จ่ายยา แต่ถ้าอาการหนักมาก เกิดการอักเสบหรือติดเชื้อมากเกินกว่าจะควบคุมได้ด้วยแชมพูผสมยาฆ่าเชื้อหรือยาลดการอักเสบ แพทย์จะจ่ายยาสำหรับรักษาสิวที่หัวให้ มีทั้งยาทานและยาทาสำหรับรักษาสิวที่หัว
ตัวอย่างยารักษาสิวที่หัวที่ต้องให้แพทย์สั่งจ่ายเท่านั้น เช่น ยาสเตียรอยด์สำหรับลดการอักเสบ ยาฆ่าเชื้อราและเชื้อแบคทีเรียชนิดทาน และ isotretinoin ที่เป็นยาในกลุ่มอนุพันธ์วิตามินเอ ใช้สำหรับรักษาสิวที่หัวในขั้นรุนแรง
การใช้แสงบำบัด
เป็นการรักษาสิวที่หัวแบบธรรมชาติ ในกรณีที่ใช้ยาไม่ได้ผลหรือเชื้อดื้อยา วิธีนี้จะทำโดยการให้ผู้เข้ารับการรักษาปล่อยให้หนังศีรษะโดนแดด ให้รังสีอัลตราไวโอเลตทำลายเชื้อต้นเหตุของการเกิดสิวที่หัวไปเอง ร่วมกับการใช้ยาบางตัวที่จะช่วยเร่งปฏิกิริยา
ทั้งนี้แม้จะเป็นวิธีธรรมชาติที่ทำได้ง่าย แต่ก็เป็นวิธีอาจก่อผลข้างเคียงได้ ดังนั้นผู้ที่สนใจรักษาสิวที่หัวด้วยวิธีนี้ต้องพบแพทย์ แพทย์จะเป็นผู้แนะนำการใช้ยา ระยะเวลาและความถี่ที่ต้องตากแดด เพื่อรักษาสิวที่หัวได้อย่างปลอดภัย
วิธีป้องกันสิวที่หัว
หากเราไม่อยากให้เกิดสิวที่หัวหรือตุ่มขึ้นหัว เราก็ต้องหมั่นดูแลความสะอาด โดยบทความนี้ ได้รวมวิธีการป้องกันและรักษาสิวที่หัวไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ดังนี้
- ทำความสะอาดเส้นผมเป็นประจำ ด้วยวิธีสระผมที่ถูกต้อง เพื่อชะล้างคราบสกปรก ลดการอุดตันที่จะทำให้เกิดสิวที่หัวหรือตุ่มบนหัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภายหลังจากการออกกำลังกายและใช้ผลิตภัณฑ์เคมีจัดแต่งทรงผม มิเช่นนั้น อาจจะทำให้หัวเป็นตุ่มนูน เจ็บได้
- ใช้ยาสระผมแก้สิวที่หัวโดยเฉพาะ ที่มีสูตรหรือสรรพคุณในการช่วยทำความสะอาดผม ขจัดรังแค และสร้างความสมดุลให้แก่หนังศีรษะ เพื่อเป็นการป้องกันการเกิดสิวที่หนังศีรษะหรือสิวที่ท้ายทอย
- ทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อลดการเกิดสิวที่หัวหรือสิวที่หนังศีรษะ ได้แก่ ผักและผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ เช่น แครอท แอปริคอท ฟักทอง มะม่วง ผักใบเขียว อัลมอนด์ เป็นต้น
- ไม่ใส่หมวกหรือหรืออุปกรณ์คลุมผมขณะที่ผมเปียก เพื่อลดความชื้นสะสม รวมถึงไม่ใส่เป็นระยะเวลานาน ควรจะปล่อยให้มีอากาศถ่ายเทด้วย เพราะสิ่งเหล่านี้ จะก่อให้เกิดตุ่มที่หัวได้
หวีผมเบา ๆ เพื่อช่วยนวดหนังศีรษะและกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ลดโอกาสเกิดสิวที่หัวหรือสิวขึ้นท้ายทอยได้
ข้อสรุป
สิวที่หัวหรือสิวที่ท้ายทอยอาจดูไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ถ้าเป็นอย่างเรื้อรังก็จะแก้ได้ยาก และทำให้เกิดแผลเป็นบนศีรษะจนผมร่วงด้วย ดังนั้นหากมีสิวที่หัว ไม่หายสักที ควรพบแพทย์เพื่อรักษาก่อนสิวที่หัวจะลุกลามจนเรื้อรัง
เป็นสิวที่หัว ผิวหนังอักเสบ รูขุมขนอักเสบ หรือมีความผิดปกติที่ศีรษะ สามารถทักเข้ามาสอบถามข้อมูล และนัดเวลาเพื่อปรึกษากับแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นผมและหนังศีรษะจาก Absolute Hair Clinic ได้ที่
Line : @Absolutehairclinic
consultabsolutehairclinic@gmail.com
โทรติดต่อที่เบอร์ 087-275-2989 หรือ 095-927-3938