วิตามินบำรุงผมแต่ละอย่าง มีความสำคัญกับผมแตกต่างกัน และจะสามารถทำให้อาการผมร่วงลดลงได้หากเสริมสร้างวิตามินให้ร่างกายอย่างเหมาะสม ในบทความนี้ Absolute Hair Clinic จะมาแนะนําวิตามินบำรุงผม ว่ากินวิตามินอะไรบํารุงผมได้บ้าง และวิตามินตัวใดสำคัญกับเส้นผมอย่างไร?
ปัญหาผมร่วง
ปัญหาผมร่วงเป็นปัญหาทำให้ผู้คนมากมายต้องสูญเสียความมั่นใจและกังวลกับการใช้ชีวิตไม่น้อยเลย เพราะเมื่อเกิดปัญหาผมร่วงติดต่อกันเป็นเวลานานก็จะส่งผลให้ผมบางลงจนมองเห็นหนังศีรษะ หรือบางคนอาจเกิดปัญหาผมร่วงเป็นหย่อม ๆ ที่สามารถมองเห็นอย่างชัดเจนเลยก็เป็นได้
โดยปัญหาผมร่วงเหล่านี้จะสังเกตได้ง่ายเวลาที่สระผม, หวีผม หรือทำความสะอาดบ้าน ซึ่งจะมองเห็นเส้นผมร่วงอยู่เป็นจำนวนมากกว่าปกติ และติดอยู่ตามตะแกรงท่อระบายน้ำ, พื้น, หวี รวมไปถึงบนที่นอน
สำหรับบางคนอาจสงสัยว่าต้องผมร่วงเยอะแค่ไหนถึงจะรู้ว่ามากผิดปกติ? เราต้องขอบอกเลยว่าการที่มีเส้นผมร่วงประมาณ 50-100 เส้นต่อวันนั้นยังอยู่ในระดับที่ปกติ แต่ถ้าหากว่ามีเส้นผมร่วงต่อวันมากกว่า 100 เส้นขึ้นไป ก็อาจเป็นการบ่งบอกถึงความผิดปกตินั่นเอง
และอาการที่สามารถพบได้เป็นส่วนใหญ่ในผู้ที่มีปัญหาผมร่วงก็คือการที่เส้นผมค่อย ๆ หลุดร่วงและบางลงจากบริเวณกลางศีรษะ อีกทั้งเส้นผมและรากผมยังไม่แข็งแรง เพียงแค่ดึงเบา ๆ ก็ทำให้เส้นผมหลุดติดมือออกมาแล้ว
ซึ่งปัญหาผมร่วงที่น่าหนักใจนี้สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นพันธุกรรม, ความผิดปกติของฮอร์โมน, ความเครียด, มลภาวะ, การเจ็บป่วยด้วยโรคต่าง ๆ , แพ้สารเคมีหรือผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลเส้นผม, การรับประทานยาบางชนิด, ระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง, พฤติกรรมส่วนบุคคล รวมไปถึงการขาดสารอาหารหรือขาดวิตามินบำรุงผมต่าง ๆ
วิตามินบำรุงผม แก้ผมร่วงจริงไหม
สำหรับบางคนแล้ว เมื่อเกิดปัญหาผมร่วงมากผิดปกติ มักจะเลือกแก้ปัญหาหรือรักษาเพียงแค่ภายนอก เช่น เปลี่ยนสูตรแชมพู, ทำทรีตเมนต์ หรือใช้สมุนไพรต่าง ๆ ในการสระผม ซึ่งอาจแก้ปัญหาได้เพียงบางส่วนหรือไม่ตรงจุดเท่าไหร่นัก เนื่องจากปัญหาผมร่วงไม่ได้สามารถเกิดขึ้นจากสาเหตุภายนอกเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังสามารถเกิดขึ้นจากสาเหตุภายในร่างกายได้ด้วยเช่นกัน
และปัญหาผมร่วงที่เกิดจากการวิตามินหรือสารอาหารต่าง ๆ นั้นเป็นอีกหนึ่งสาเหตุของปัญหาผมร่วงที่เกิดขึ้นจากภายในร่างกาย ซึ่งสามารถพบได้บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเพศใด หรือช่วงอายุเท่าไหร่ จึงทำให้ใครหลาย ๆ คนที่กำลังเผชิญปัญหาผมร่วงหันมาให้ความสนใจหรือเลือกรับประทานวิตามินบำรุงผมเพื่อแก้ปัญหานี้
โดยชนิดของวิตามินลดผมร่วงนั้นมีอยู่มากมายหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นวิตามินเอ (Vitamin A), วิตามินซึ (Vitamin C), วิตามินอี (Vitamin E), วิตามินดี (Vitamin D), วิตามินบีรวม (B Vitamins), วิตามินบี 12 (Vitamin B12), ซีลีเนียม (Selenium), สังกะสี (Zinc) รวมถึงวิตามินเอช (Vitamin H) หรือที่บางคนอาจเรียกว่าไปโอตินนั่นเอง
ซึ่งสารอาหารและวิตามินบำรุงผมเหล่านี้คือสิ่งสำคัญที่เป็นส่วนช่วยให้เส้นผมมีสุขภาพแข็งแรง ไม่ขาดหลุดร่วงง่าย อีกทั้งยังช่วยให้ร่างกายพร้อมสำหรับการสร้างเส้นผมใหม่ ส่งผลให้ผมดูหนาแน่น ไม่แลดูบางจนเห็นหนังศีรษะ
นอกจากนี้วิตามินบำรุงผมบางชนิดยังไม่เพียงแค่มีประโยชน์ในการช่วยบำรุงเส้นผมและรากผมได้เท่านั้น แต่รวมไปถึงประโยชน์ในการบำรุงหรือดูแลระบบส่วนอื่น ๆ ของร่างกายอีกด้วย เช่น เสริมภูมิต้านทาน, บำรุงกระดูกและฟัน, ช่วยในการเผาผลาญ, การไหลเวียนโลหิต และการเจริญเติบโตของร่างกาย เป็นต้น
แต่ทั้งนี้การแก้ปัญหาผมร่วงด้วยการรับประทานวิตามินบำรุงผมจะสามารถเห็นผลได้ดีหรือแก้ปัญหาได้อย่างชัดเจนแค่ไหนนั้นก็ขึ้นอยู่กับสาเหตุของปัญหาผมร่วงที่กำลังเป็นอยู่ด้วยเช่นกัน เพราะถ้าหากว่าเลือกใช้วิธีแก้ปัญหาได้ไม่ตรงจุด ก็อาจทำให้ผลลัพธ์ของการรักษานั้นไม่ดีเท่าที่ควร
ประโยชน์ของวิตามินบำรุงผม
วิตามินบำรุงผมมีประโยชน์หลากหลาย ได้แก่
- เสริมสร้างสารอาหารที่จำเป็นต่อการสร้างเส้นผม
- วิตามินบำรุงผมสามารถช่วยปรับสภาพร่างกายให้พร้อมกับการสร้างเส้นผมใหม่
- วิตามินบำรุงผมช่วยทำให้เส้นผมแข็งแรงและสุขภาพดีขึ้น
- วิตามินบำรุงผมสามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคที่ทำให้ผมร่วงได้ เช่น โรคผมร่วงเป็นหย่อม
- วิตามินบำรุงผมไม่เพียงแค่ช่วยลดปัญหาผมร่วง แต่ยังทำให้ร่างกายโดยรวมมีสุขภาพที่ดีขึ้นอีกด้วย
นอกจากนี้วิตามินบำรุงผมแต่ละตัวยังให้ประโยชน์ต่างกัน รวมถึงมีความสำคัญกับเส้นผมแตกต่างกันอีกด้วย
เผชิญปัญหาผมร่วงกินวิตามินอะไรดี? หัวข้อนี้เราจะมาแนะนำวิตามินบำรุงผม 10 อย่าง ที่สามารถช่วยบำรุงเส้นผมได้ โดยวิตามินแต่ละตัวให้ผลดีต่อเส้นผมและหนังศีรษะแตกต่างกันไป ดังนี้
1. วิตามินเอช (Vitamin H) หรือ ไบโอติน (Biotin)
วิตามินเอช ไบโอติน หรือวิตามินบี 7 เป็นวิตามินบำรุงผมร่วงที่สำคัญมาก และรู้จักกันอย่างแพร่หลายว่าเป็นวิตามินบำรุงผมที่ดีที่สุดในปัจจุบัน ไบโอตินเป็นอาหารเสริมบำรุงผมอันดับแรก ๆ ที่หลายคนเลือกใช้เมื่อมีปัญหาผมร่วง ผมบาง เพราะวิตามินดังกล่าวสำคัญมากต่อเส้นผม ซึ่งหากขาดวิตามินดังกล่าวไป นอกจากจะทำให้เส้นผมไม่แข็งแรง ผมร่วงแล้ว ยังทำให้เกิดผื่นแดงที่บริเวณรอบดวงตา จมูก ปาก อ่อนเพลีย ตัวชา นอนไม่หลับ ตาแห้ง และเบื่ออาหารได้
คุณประโยชน์ต่อร่างกายและเส้นผม
- ร่างกายของเราใช้ไบโอตินในการสร้างโปรตีนสายยาวอย่างเคราตินที่เป็นส่วนประกอบหลักของเส้นผม วิตามินตัวนี้สามารถช่วยเสริมความแข็งแรงให้เส้นผมและเล็บได้ เมื่อผมไม่แข็งแรง ผมเสีย แตกปลาย เปราะขาดง่าย หรือผมร่วง การทานวิตามินดังกล่าวจึงช่วยได้อย่างมากในกรณีที่ผมเสียจากการขาดวิตามิน
- นอกจากเสริมความแข็งแรงให้เส้นผมแล้ว วิตามินไบโอตินบํารุงผมยังมีส่วนช่วยในการเผาผลาญสารอาหารอย่างคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และกรดอะมิโน
ที่จริงแล้ว การเสริมไบโอตินให้ร่างกายไม่จำเป็นต้องทานอาหารเสริมอย่างเดียว แต่สามารถเติมไบโอตินให้ ร่างกายได้ผ่านทางการทานอาหารบำรุงผม
สามารถพบได้ในอาหาร
- ตับ
- ไข่
- ถั่ว
- ปลาแซลม่อน
- มันหวาน
- เห็ด
- กล้วย
- บรอกโคลี
- อะโวคาโด้
2. วิตามินเอ (Vitamin A)
วิตามินเอ เป็นวิตามินบำรุงผมที่สำคัญอย่างหนึ่ง ถ้าหากขาดวิตามินเอไป จะทำให้มองเห็นในที่มืดได้ไม่ดี ดวงตาแห้งจนกระจกตาเป็นแผล ผิวแห้ง คัน ระคายเคือง การเจริญเติบโตผิดปกติ และที่สำคัญคืออาจทำให้ผมร่วงได้
คุณประโยชน์ต่อร่างกายและเส้นผม
- วิตามินเอมีส่วนสำคัญอย่างมากในการเจริญเติบโตของเซลล์ โดยเฉพาะเซลล์ผมที่เป็นเซลล์ที่เจริญเติบโตได้เร็วที่สุดในร่างกายมนุษย์
- วิตามินเอเป็นวิตามินต่อต้านอนุมูลอิสระ ที่สามารถช่วยป้องกันเซลล์ต่างๆทำงานผิดปกติจากอนุมูลอิสระได้ วิตามินเอจึงมีประโยชน์อย่างมาก การใช้วิตามินเอเป็นประจำจึงอาจเป็นวิธีแก้ผมร่วงที่ได้ผล
- วิตามินเอเป็นวิตามินที่สำคัญมากต่อร่างกาย นอกจากจะสำคัญต่อการสร้างเส้นผมแล้ว ยังช่วยสร้างภูมิต้านทาน ช่วยในการมองเห็น ลดรอยดำ รอยแผลเป็น และยังเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรงได้อีกด้วย
การใช้วิตามินเอเป็นวิตามินบำรุงผมสามารถช่วยบำรุงเส้นผมได้ แต่ความเป็นจริงแล้ว ร่างกายสามารถรับวิตามินเอจากอาหารได้หลายชนิดโดยไม่ต้องพึ่งวิตามินเม็ดเลย
สามารถพบได้ในอาหาร
- ผักใบเขียว
- ผลไม้
- มะเขือเทศ
- พริกหยวก
- ตับ
- น้ำมันจากปลา
- นม
- ไข่
3. วิตามินซี (Vitamin C)
วิตามินซี เป็นวิตามินต่อต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเส้นผมได้มาก เนื่องจากอนุมูลอิสระ เป็นสิ่งที่อยู่ทุกที่ทั้งร่างกาย และในสิ่งแวดล้อมเองก็เต็มไปด้วยอนุมูลอิสระเช่นกัน
อนุมูลอิสระดังกล่าวมีความสามารถในการไปจับกับองค์ประกอบต่างๆในร่างกาย เมื่ออนุมูลอิสระไปจับ จะทำให้องค์ประกอบนั้นผิดเพี้ยนไปจากเดิมจนระบบร่างกายรวนได้ หากอนุมูลอิสระไปจับกับเซลล์รากผม อาจจะทำให้รากผมงอกเส้นผมผิดปกติ เป็นสาเหตุของอาการผมร่วงได้
คุณประโยชน์ต่อร่างกายและเส้นผม
- วิตามินซีซึ่งเป็นวิตามินต่อต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้จะช่วยจ่ายอิเล็กตรอนบางส่วนให้อนุมูลอิสระ ทำให้อนุมูลอิสระเหล่านี้ไม่สามารถไปจับกับองค์ประกอบใดได้อีกนั่นเอง เซลล์รากผมไม่เสี่ยงทำงานผิดปกติโดยการรบกวนจากอนุมูลอิสระ และสามารถทำหน้าที่งอกเส้นผมได้อย่างดีต่อไป
- วิตามินซีสามารถช่วยให้ร่างกายดูดซับแร่ธาตุอย่างธาตุเหล็ก หรือสังกะสีได้ดี ซึ่งทั้งสองตัวนี้มีผลอย่างมากต่อความแข็งแรงของเส้นผมและการงอกเส้นผม
- วิตามินซีสำคัญกับระบบอื่น ๆ ในร่างกายเช่นกัน ช่วยบรรเทาอาการของโรคหวัด ช่วยทำให้แผลหายเร็วขึ้น ป้องกันโรคต้อกระจก และสามารถบรรเทาอาการหอบหืดได้ด้วย
หากขาดวิตามินซีไป อาจไม่ได้ส่งผลให้ผมร่วงโดยตรง แต่จะทำให้โอกาสที่เซลล์ถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระมีมากขึ้น ร่างกายสร้างโปรตีนคอลลาเจนผิดปกติ หลอดเลือดฝอยแตกง่าย เลือดออกตามไรฟัน โลหิตจาง แผลหายช้า หรืออาจจะทำให้ฟันโยกคลอนได้เลย
อาหารเสริมวิตามินซีสามารถหาซื้อได้ง่าย ทั้งแบบเม็ดกลืน แบบอม หรือกระทั่งแบบเม็ดฟู่ละลายน้ำก็มีให้เห็นเช่นกัน หากไม่ต้องการทานเป็นอาหารเสริม สามารถทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินซีทดแทนได้
สามารถพบได้ในอาหาร
- ดอกกะหล่ำ
- ต้นหอม
- ผักกาดขาว
- ผักโขม
- ผักคะน้า
- ฝรั่ง
- ส้ม
- มะนาว
- มะขามป้อม
4. วิตามินอี (Vitamin E)
วิตามินบำรุงผมที่ดีสำหรับผู้ชายและผู้หญิงอีกตัวหนึ่ง คือวิตามินอี ซึ่งถ้าร่างกายขาดวิตามินอีไป จะทำให้ระบบประสาทและกล้ามเนื้อทำงานผิดปกติ แขนขารู้สึกชา ไม่มีแรง การมองเห็นแย่ลง ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ไม่ดี การทรงตัวไม่ดี ผิวหยาบกร้าน ผมและเล็บเปราะแตกง่าย ไม่แข็งแรง
คุณประโยชน์ต่อร่างกายและเส้นผม
- วิตามินอีเป็นวิตามินต้านอนุมูลอิสระที่สามารถต้านอนุมูลอิสระในร่างกายได้ดีมาก ทำให้สามารถปกป้องรากผมจากอนุมูลอิสระ จนรากผมทำงานได้อย่างปกติ
- วิตามินอีเองช่วยในกระบวนการสร้างโปรตีนสายยาวอย่างเคราตินในเส้นผมและเล็บ อีกทั้งยังมีงานวิจัยบางตัวพบว่าวิตามินอีสามารถป้องกัน และบรรเทาอาการผมร่วงจากโรคผมร่วงเป็นหย่อม (Alopecia Areata) ได้ดีเช่นกัน
- วิตามินอียังมีส่วนสำคัญในระบบอื่นๆ ของร่างกายอีก เช่น ป้องกันอาการเครียดออกซิเดชั่น (Oxidation Stress) ซึ่งทำให้ร่างกายทำงานผิดปกติ มีความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานและโรคมะเร็งมากขึ้น, ป้องกันความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจ, ช่วยลดไขมันเกาะตับ, และยังทำให้ผิวดีขึ้นอีกด้วย
ดังนั้นวิตามินอีจึงวิตามินบำรุงผมที่สามารถช่วยบำรุงผมให้แข็งแรงขึ้นได้ แต่หากไม่อยากทานวิตามินเม็ด สามารถทานอาหารต่าง ๆ ที่อุดมไปด้วยวิตามินอีทดแทนได้
สามารถพบได้ในอาหาร
- อาหารจำพวกธัญพืช
- ถั่ว
- ไขมันสัตว์
- เนื้อสัตว์
- นม
- ไข่
5. วิตามินดี (Vitamin D)
วิตามินดี เป็นวิตามินบำรุงผมอีกอย่างหนึ่ง ที่มีผลอย่างมากเกี่ยวกับผมร่วงแบบต่างๆ โดยเฉพาะผมร่วงเป็นหย่อม แต่ถ้าหากขาดวิตามินดี นอกจากจะทำให้เสี่ยงผมร่วงแล้ว ยังทำให้ขาดแคลเซียมในร่างกายเนื่องจากร่างกายสามารถดูดซับแคลเซียมได้น้อยลง มวลกระดูกลดลง ทั้งยังทำให้เสี่ยงเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ด้วย
คุณประโยชน์ต่อร่างกายและเส้นผม
- มีงานวิจัยหลายงานระบุว่าวิตามินดีช่วยให้ผู้ป่วยผมร่วงเป็นหย่อมอาการดีขึ้น และทำให้ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงแสดงอาการน้อยลงด้วย
- นอกจากช่วยให้อาการผมร่วงเป็นหย่อมดีขึ้นแล้ว ยังช่วยให้การดูดซึมแคลเซียมดีขึ้น ทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง ป้องกันกระดูกพรุนช่วยในเรื่องการอักเสบ ระบบภูมิคุ้มกัน ทั้งยังดีต่ออวัยวะต่างๆ และช่วยบรรเทาอาการของโรครูมาตอยด์ และโรคข้ออื่นๆ ด้วย
การบํารุงผมด้วยวิตามินดีนั้นเป็นเรื่องที่ดีต่อเส้นผมและสุขภาพโดยรวม เราสามารถเสริมสร้างวิตามินดีให้ร่างกายได้ด้วยการตากแดดเพียงวันละ 5 – 10 นาที ร่างกายก็จะสามารถสังเคราะห์วิตามินดีขึ้นมาได้เอง หรือหากไม่มีเวลามากก็สามารถรับวิตามินผ่านอาหารที่ทานได้
สามารถพบได้ในอาหาร
- ปลาไขมันสูง เช่น ปลาแซลม่อน หรือปลาทู
- อาหารที่ทำจากนมและไข่
6. วิตามินบีรวม (B Vitamins)
วิตามินบีมีทั้งหมดถึง 13 ตัว ได้แก่ วิตามินบี 1, วิตามินบี 2, วิตามินบี 3, วิตามินบี 5, วิตามินบี 6, วิตามินบี 7, วิตามินบี 9, วิตามินบี 12, วิตามินบี 15, วิตามินบี 17, โคลีน, พาบา, และอิโนซิทอล ซึ่งในจำนวนนี้ก็มีหลายตัวที่สามารถเสริมความแข็งแรงของเส้นผมได้ อย่างวิตามินบี 2, วิตามินบี 7, พาบา, และอิโนซิทอล
คุณประโยชน์ต่อร่างกายและเส้นผม
- วิตามินบีรวมสามารถเสริมความแข็งแรงของเส้นผมได้
- นอกจากนี้ วิตามินบีตัวอื่น ๆ ยังมีผลมากต่อการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย เมื่อร่างกายทำงานได้ดีเป็นปกติ เส้นผมก็จะงอกได้อย่างเป็นปกติ
สามารถพบได้ในอาหาร
- พบมากในเนื้อสัตว์
- ไข่
- ถัว
- ผักใบเขียว
- ปลาชนิดต่าง ๆ
7. วิตามินบี 12 (Vitamin B12)
วิตามินบี 12 หรือโคบาลามิน (Cobalamin) ไม่ใช่วิตามินบำรุงผมโดยตรง ในช่วงเวลาหนึ่งการแพทย์เชื่อว่าการใช้วิตามินบี 12 สามารถช่วยให้อาการผมร่วงหัวล้านกรรมพันธุ์ดีขึ้นได้ ซึ่งหลังจากที่มีการวิจัยก็พบว่าวิตามินบี 12 ไม่ได้ทำให้อาการผมร่วงจากสาเหตุดังกล่าวดีขึ้น
แต่หากขาดวิตามินบี 12 นอกจากจะทำให้ผมร่วงแล้ว ยังทำให้เกิดผลอื่นๆ ตามมาจากการขาดวิตามินอีกอย่างอาการผมหงอกก่อนวัย อ่อนเพลีย ระบบภูมิคุ้มกันแย่ลง เหนื่อยหอบ หายใจไม่ออก หน้าซีด หัวใจเต้นผิดจังหวะ หรืออาจจะร้ายแรงจนถึงโลหิตจางและสมองเสื่อมได้
คุณประโยชน์ต่อร่างกายและเส้นผม
- วิตามินบี 12 เป็นส่วนสำคัญในระบบการทำงานส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะระบบไหลเวียนโลหิต และการขาดวิตามินบี 12 ก็สามารถทำให้ผมร่วงอย่างรุนแรงได้
สามารถพบได้ในอาหาร
- อาหารกลุ่มเนื้อสัตว์ เช่น ตับ ไต นม ไข่แดง ชีส ปลา เนื้อแดงชนิดต่าง ๆ เป็นต้น
นอกจากวิตามินแล้ว ก็ยังมีแร่ธาตุอื่น ๆ อีกที่เป็นสารสำคัญในการบำรุงผม ได้แก่ ซิงค์ ซีลีเนียม และธาตุเหล็ก
8. ซิงค์ หรือสังกะสี (Zinc)
สังกะสีเป็นแร่ธาตุอย่างหนึ่งที่สำคัญต่อเส้นผมอย่างมาก แร่ธาตุดังกล่าวทำให้เส้นผมและรากผมแข็งแรง ทั้งยังมีประโยชน์ต่อร่างกายอีกมากมาย
คุณประโยชน์ต่อร่างกายและเส้นผม
- สังกะสีมีส่วนช่วยในการสร้างเคราตินในเส้นผม ทำให้เส้นผมแข็งแรง ไม่เปราะหรือขาดง่าย ทั้งยังทำให้รากผมแข็งแรง และช่วยลดผมร่วงได้ด้วย
- ทำให้เส้นผมชุ่มชื้น เงางาม หวีง่าย ไม่พันกัน เนื่องจากแร่ธาตุนี้จะไปช่วยให้ต่อมไขมันที่รากผมทำงานอย่างเป็นปกติ เมื่อต่อมไขมันสร้างน้ำมันออกมาเคลือบเส้นผม จะทำให้เส้นผมกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดีขึ้น ไม่แห้ง เปราะขาด หรือแตกปลายง่ายเท่าเดิม
- ช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตได้ดี เป็นส่วนประกอบของการสร้างโปรตีนนอกเหนือจากเคราติน อย่างเช่นคอลลาเจน เสริมภูมิคุ้มกันในร่างกาย ช่วยในการทำงานของสมอง และเอนไซม์ต่าง ๆ และยังช่วยลดคอเลสเตอรอลที่สะสมอยู่ในร่างกายได้อีกด้วย
การทานซิงค์เป็นวิตามินบำรุงผมเพื่อเสริมความแข็งแรงของเส้นผม เป็นสิ่งที่นิยมทำกันมากในปัจจุบัน แต่ถ้าหากไม่ต้องการทานวิตามินเสริม สามารถทานอาหารเหล่านี้ทดแทนได้
สามารถพบได้ในอาหาร
- อาหารทะเล
- เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน
- ตับ
- ไข่
- ถั่ว และเมล็ดพืชหลายชนิด
9. ซีลีเนียม (Selenium)
ซีลีเนียม เป็นแร่ธาตุที่จำเป็นในการสร้างเส้นผม แต่ก็ยังไม่ได้มีงานวิจัยเกี่ยวกับซีลีเนียมและความเร็วในการงอกผมมากเท่าที่ควร อีกทั้งซีลีเนียมยังมีผลเสียทำให้ผมร่วง และส่งผลเสียต่อระบบประสาทหากบริโภคแร่ธาตุซีลีเนียมเข้าไปมากเกินความจำเป็น
คุณประโยชน์ต่อร่างกายและเส้นผม
- นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่ารากผมดึงธาตุซีลีลเนียมไปใช้ด้วยหลังรับแร่ธาตุอื่น ๆ ที่จำเป็นในการสร้างเส้นผมไปจากเลือด จึงเชื่อกันว่านอกจากจะทำให้รากผมสร้างเส้นผมได้ดีแล้ว ซีลีเนียมยังสามารถทำให้ผมงอกได้ไวมากขึ้นด้วย
ด้วยผลเสียของมัน ซีลีเนียมจึงไม่นิยมทานเป็นอาหารเสริม แต่ก็ยังคงต้องเพิ่มซีลีเนียมให้ร่างกายไม่ขาดหากไม่อยากให้ผมร่วง หรือผมเสีย
สามารถพบได้ในอาหาร
- เนื้อสัตว์
- ตับ
- เนื้อปลา
- ไข่
- ผลิตภัณฑ์จากนม
- ธัญพืชต่าง ๆ
10. ธาตุเหล็ก (Iron)
ธาตุเหล็ก เป็นแร่ธาตุที่สำคัญอย่างมากในร่างกาย และสามารถส่งผลต่อเส้นผมในทางอ้อมด้วย ธาตุเหล็กเป็นส่วนประกอบสำคัญในเม็ดเลือดแดง หากขาดธาตุเหล็กไป เม็ดเลือดแดงจะไม่สามารถลำเลียงอากาศและสารอาหารบางชนิดได้เหมือนกับภาวะปกติ และเกิดเป็นโลหิตจางขึ้นมา
หากโลหิตจาง เลือดไม่สามารถลำเลียงสารอาหารไปยังรากผมได้เหมือนปกติ จะทำให้รากผมสร้างผมได้ไม่ดีเท่าที่ควร ทำให้ผมบางลง ไม่แข็งแรง เปราะขาดง่าย ผมร่วง และอาจเกิดเป็นอาการผมร่วงฉับพลันได้
คุณประโยชน์ต่อร่างกายและเส้นผม
- ธาตุเหล็กช่วยให้สารอาหารสามารถลำเลียงไปยังเส้นผมได้ดี ทำให้เส้นผมและรากผมแข็งแรง
- ช่วยในการบำรุงเลือด
ธาตุเหล็กนิยมทานกันเป็นวิตามินบำรุงเลือดอยู่แล้ว แต่หากไม่ต้องการกินธาตุเหล็กเป็นวิตามินบำรุงผมหรืออาหารเสริม ก็สามารถเสริมธาตุเหล็กให้ร่างกายด้วยการทานอาหารบางชนิดได้เช่นกัน
สามารถพบได้ในอาหาร
- เนื้อสัตว์ โดยเฉพาะเนื้อแดง
- เลือด
- ตับ
- เครื่องใน
- ไข่แดง
- อาหารทะเลต่าง ๆ
- อาหารไขมันสูง
อาหารไขมันสูงคืออาหารจากไขมันสัตว์ และอาหารทอดน้ำมันพืช ไขมันเหล่านี้จะไม่เหมือนไขมันที่ได้จากปลาไขมันสูง เพราะเป็นไขมันคนละชนิดกัน อาหารเหล่านี้จะมีวิตามินบำรุงผมอยู่น้อย
นอกจากนี้อาหารไขมันสูงจะไปทำให้ความดันเลือดสูง เส้นเลือดฝอยถูกทำลาย สารอาหารและวิตามินบำรุงผมไม่สามารถเข้าถึงรากผมได้ ทำให้รากผมฝ่อในที่สุด
นอกจากนี้ไขมันจากอาหารเหล่านี้ ยังไปเพิ่มระดับเทสโทสเตอโรน (Testosterone) ในเพศชาย ทำให้ระดับฮอร์โมน DHT ต้นเหตุหลักของอาการผมร่วงในเพศชายมีมากขึ้นจนทำให้ผมร่วงมากกว่าเดิมได้
- คาเฟอีน
คาเฟอีนพบได้ในชา กาแฟ มีผลทำให้ความดันโลหิตสูง หากบริโภคบ่อยๆจะทำให้โลหิตสูงอย่างต่อเนื่องจนเส้นเลือดฝอยถูกทำลายได้ สุดท้ายจะทำให้รากผมฝ่อเหมือนกับการทานอาหารไขมันสูง เนื่องจากวิตามินบำรุงผมไม่สามารถเข้าถึงรากผมได้นั่นเอง
- แอลกอฮอล์
แอลกอฮอล์ส่งผลกับเส้นผมเหมือนกับคาเฟอีนและอาหารไขมันสูง คือเมื่อแอลกอฮอล์เข้าสู่เส้นเลือดจะทำให้ผนังหลอดเลือดหดตัว ความดันโลหิตสูง ในที่สุดจะทำให้เส้นเลือดฝอยถูกทำลาย และวิตามินบำรุงผมไม่สามารถเข้าถึงรากผมได้ จนส่งผลให้รากผมฝ่อและผมร่วงในที่สุด
- น้ำตาลเทียม
น้ำตาลเทียมหรือสารให้ความหวานแทนน้ำตาลนั้นมีหลายอย่าง น้ำตาลเทียมที่ส่งผลให้ผมร่วงจะเป็นน้ำตาลเทียมสังเคราะห์ที่ประกอบด้วยกรดไขมันสองชนิด คือกรดแอสปาร์ติก และฟีนิลอะลานีน งานวิจัยระบุว่ากรดไขมันเหล่านี้สามารถทำให้ผมร่วงได้
หากหลีกเลี่ยงอาหารเหล่านี้ได้พร้อมกับเสริมความแข็งแรงของเส้นผมด้วยวิตามินบำรุงผม จะมีโอกาสลดผมร่วงได้มาก
ทางเลือกอื่นสำหรับการบำรุงผมร่วง
วิธีบำรุงผมด้วยวิตามินบำรุงผม เป็นการเสริมความแข็งแรงของเส้นผม และสร้างปัจจัยต่าง ๆ ในร่างกายให้พร้อมกับการสร้างเส้นผม แต่การใช้วิตามินบำรุงผมเพื่อลดผมร่วงอาจไม่เห็นผลมากนักหากผมไม่ได้ร่วงจากการขาดวิตามิน ถ้าผมร่วงจากกรรมพันธุ์หรือฮอร์โมน การใช้วิตามินบำรุงผมแก้ผมร่วงอาจจะไม่สามารถลดผมร่วงจนป้องกันหัวล้านได้
ทางที่ดีควรใช้วิตามินบำรุงผมควบคู่กับการบำรุงผมร่วงวิธีการอื่นๆด้วย เพื่อรักษาอาการผมร่วงอย่างเห็นผล ป้องกันหัวล้าน และมีเส้นผมที่เส้นหนา แข็งแรง สุขภาพดีในระยะยาว
การทานยาแก้ผมร่วง
ยาแก้ผมร่วงสามารถรักษาอาการผมร่วง ผมบาง หัวล้านในระยะเริ่มต้นถึงปานกลางได้ โดยยาที่ได้รับการรับรองแล้วว่าให้ใช้รักษาผมร่วงได้อย่างปลอดภัยมี 2 ตัวยา ได้แก่ ยาฟิแนสเทอร์ไรด์ และยาไมนอกซิดิล
ยาฟิแนสเทอร์ไรด์เป็นยาแก้ผมร่วงสำหรับผู้ชาย ออกฤทธิ์กระตุ้นรากผม และลดระดับฮอร์โมน DHT สาเหตุของอาการผมร่วงส่วนใหญ่ในผู้ชาย ส่วนยาไมนอกซิดิลเป็นยาแก้ผมร่วงที่จะออกฤทธิ์ขยายหลอดเลือด กระตุ้นรากผม ช่วยให้วิตามินบำรุงผมและสารอาหารต่างๆ เข้าสู่รากผมได้ดีมากยิ่งขึ้น
หากสนใจใช้ยาแก้ผมร่วงควรปรึกษาแพทย์ก่อน เนื่องจากยาแก้ผมร่วงเหล่านี้มีผลข้างเคียงที่ค่อนข้างอันตรายหากใช้ผิดวิธี
ผมร่วงวันละกี่เส้น ถึงควรพบแพทย์? : ผมร่วงวันละกี่เส้น
การรักษาผมร่วงแบบทางเลือก
การทำ PRP ผมคือการฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้นหรือ Platelet Rich Plasma เข้าที่หนังศีรษะ เพื่อฟื้นฟูรากผมให้กลับมาทำงานได้ดีขึ้น เสริมสร้างสารที่จำเป็นต่อการสร้างเส้นผม ทำให้รากผมกลับมางอกผมได้ดีขึ้น ผมบางจะกลับมาเส้นหนา ลดอาการผมร่วงได้ดี ทั้งยังเป็นวิธีที่ค่อนข้างปลอดภัย เนื่องจาก PRP ที่นำมาฉีดเป็นสารที่นำมาจากน้ำเลือดของผู้เข้ารับการรักษาเอง
การฉีดสเต็มเซลล์รากผม เป็นการนำกอรากผมมาปั่นในเครื่องแยกเซลล์ จากนั้นจะฉีดของเหลวที่ได้เข้าที่หนังศีรษะ สเต็มเซลล์และสารในสเต็มเซลล์นั้นจะกระตุ้นให้รากผมกลับมาทำงานได้ดี กระตุ้นการสร้างเส้นเลือดฝอยในบริเวณที่ฉีดสเต็มเซลล์ ทำให้สามารถรักษาอาการผมร่วง ผมบางได้ในระยะยาว
ทั้งนี้การทำ PRP และการฉีดสเต็มเซลล์รากผมเป็นเพียงการบำรุงรากผม หากผมร่วงมากจนรากผมฝ่อไปแล้ว จะไม่สามารถรักษาอาการผมร่วงหัวล้านได้
การทำเลเซอร์รักษาผมบาง
การทำเลเซอร์ผม เป็นการรักษาอาการผมบางโดยการกระตุ้นรากผมอย่างตรงจุด สามารถทำควบคู่ไปกับการใช้วิตามินบำรุงผมได้ ซึ่งการทำเลเซอร์กระตุ้นรากผมที่ Absolute Hair Clinic มีด้วยกันทั้งหมด 2 แบบด้วยกัน ได้แก่
การทำโฟโตน่าเลเซอร์ เป็นเลเซอร์ปลูกผมนวัตกรรมใหม่ ที่ Absolute Hair Clinic เป็นเจ้าแรกในประเทศไทย ที่ทำเทคโนโลยีโฟโตน่าเลเซอร์เข้ามาใช้สำหรับรักษาอาการผมร่วงผมบาง เลเซอร์ตัวนี้จะใช้คลื่นพลังงานต่ำ กระตุ้นการทำงานของเซลล์โดยตรง ทำให้เนื้อเยื่อที่หนังศีรษะรวมถึงรากผมทำงานได้ดีขึ้น สามารถรักษาอาการผมร่วง หัวล้านในระยะต้นและระยะกลางได้อย่างเห็นผล
การทำเลเซอร์ LLLT เป็นการทำเลเซอร์โดยการฉายคลื่นแสงพลังงานต่ำเข้าที่หนังศีรษะ คลื่นแสงดังกล่าวจะให้พลังงานกับเซลล์โดยตรง ทำให้เซลล์ต่างๆรวมถึงเซลล์รากผมทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น เครื่องเลเซอร์ LLLT จะมีทั้งเครื่องขนาดใหญ่ทำที่คลินิก และเครื่องขนาดเล็กที่เรียกว่าหมวกปลูกผม ที่สามารถทำเองได้ที่บ้าน
การปลูกผมถาวร
ปลูกผม เป็นการรักษาที่แตกต่างจากการใช้วิตามินบำรุงผม เพราะการปลูกผมถาวรไม่ใช่การบำรุงรากผม แต่เป็นการปลูกรากผมลงไปใหม่ในกรณีที่หัวล้านจนรากผมฝ่อไปแล้ว
การปลูกผมถาวรจะทำโดยย้ายรากผมจากบริเวณท้ายทอยหรือหลังกกหู มาปลูกบริเวณที่หัวล้าน จะทำให้บริเวณดังกล่าวกลับมามีเส้นผมที่งอกได้ตามปกติอีกครั้ง
การปลูกผมถาวรมีด้วยกัน 2 แบบ ได้แก่การปลูกผม FUE และการปลูกผม FUT ทั้งสองแบบจะแตกต่างกันที่วิธีการนำรากผมออกมาจากบริเวณท้ายทอย
การปลูกผม FUE จะนำรากผมออกมาโดยเครื่องเจาะไฟฟ้า ทำให้แผลจากการปลูกผมมีขนาดเล็กมาก หายไว ไม่ทิ้งรอยแผลเป็น
ส่วนการปลูกผม FUT เป็นการปลูกผมโดยการตัดหนังศีรษะบางส่วนออกมาพร้อมกับรากผม แล้วจึงแยกกอรากผมออกจากกันใต้กล้องจุลทรรศน์ ทำให้รากผมที่นำไปปลูกแข็งแรง มีโอกาสขึ้นสูง ได้รากผมจำนวนมากโดยที่ไม่ทำให้ผมที่ท้ายทอยบางลง แต่ก็จะทำให้มีรอยแผลเป็นที่ท้ายทอยหลังจากผ่าตัด
ผู้เข้ารับการรักษาแต่ละคนจะเหมาะกับการรักษาด้วยวิธีใดนั้น แพทย์จะเป็นผู้พิจารณาร่วมกับความต้องการของผู้เข้ารับการรักษาเอง
ปัญหาผมร่วง ผมบาง ไม่ได้มาจากแค่การขาดวิตามินเท่านั้น แต่ยังเกิดจากสาเหตุอื่นๆได้อีกมากมาย ที่อาจจะไม่สามารถรักษาได้ด้วยการใช้วิตามินบำรุงผม
ที่ Absolute Hair Clinic เราให้คำปรึกษา และรักษาทุกเคสโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านเส้นผมและหนังศีรษะ เพื่อให้สามารถรักษาอาการผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้านได้อย่างถูกต้อง แก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ เห็นผลการรักษาที่ดีและเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
หากสนใจสามารถติดต่อเราได้ที่เบอร์โทร 087-275-2989 หรือ 095-927-3938
หรือช่องทางออนไลน์อื่น ๆ เช่น
เว็บไซต์ : Absolute hair clinic
Line : @Absolutehairclinic
E-mail : consultabsolutehairclinic@gmail.com
ข้อสรุป
วิตามินบำรุงผม เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ร่างกายพร้อมต่อการสร้างผม และทำให้ผมแข็งแรงขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม การใช้วิตามินบำรุงผมไม่สามารถรักษาอาการผมร่วงได้จากทุกต้นเหตุ หากลองใช้วิตามินบำรุงผมแล้วไม่เห็นผลควรเข้ามาปรึกษากับแพทย์ ไม่ควรเพิ่มปริมาณการใช้วิตามิน เพราะอาจจะทำให้วิตามินส่วนเกินตกค้างในร่างกายและเกิดอันตรายขึ้นได้
ต้องการปรึกษาเกี่ยวกับการใช้วิตามินบำรุงผม มีอาการผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน สามารถทักเข้ามาปรึกษา สอบถามรายละเอียด หรือนัดเวลากับแพทย์เฉพาะทางจาก Absolute Hair Clinic ได้ที่เบอร์โทร 087-275-2989 หรือ 095-927-3938
หรือสามารถติดต่อผ่านช่องทางออนไลน์อื่น ๆ เช่น
เว็บไซต์ : Absolute hair clinic
Line : @Absolutehairclinic
E-mail : consultabsolutehairclinic@gmail.com
References
- TISH WEINSTOCK. (2022). 12 Of The Best Hair Vitamins To Make Every Day A Good Hair Day. Retrived March 18, 2023. from https://www.vogue.co.uk/beauty/article/best-hair-vitamins
- Jessica Booth. (2023). A Guide To The Best Vitamins and Supplements For Hair Growth. Retrived March 18, 2023. from https://www.forbes.com/health/body/best-vitamins-and-supplements-for-hair-growth/
- Zohra Ashpari. (2020). Can I use vitamins to promote hair growth?. Retrived March 18, 2023. from https://www.medicalnewstoday.com/articles/318403#_noHeaderPrefixedContent